Page 91 - kpiebook67036
P. 91

90      ประเพณีการปกครองของสวีเดน: สภาท้องถิ่น (ting), สิทธิ์ในการเลือกพระมหากษัตริย์ และเสรีภาพ
                    และปกครองตนเองของชาวนา (the Many)




             สวีเดนในช่วงแรกๆ หรือช่วงศตวรรษที่สิบก็คือการแบ่งแยกระหว่างคนที่เป็นเสรีชนกับที่เป็นทาส
                                                                                                     224
             เส้นแบ่งระหว่างเสรีชนกับทาส คือ ทาสไม่ถือว่ามีตัวตนในฐานะสมาชิกของสังคม ถือเป็น “คนนอก”
             จากการนิยามและความเข้าใจของเสรีชนหรือ “คนใน”    225


                      แต่เมื่อคริสต์ศาสนาเข้ามาในสวีเดน จากระบบการบริหารจัดการองค์กรของศาสนจักรคริสต์

             ศาสนาที่เป็นระบบรวมศูนย์ที่ก�าหนดนิยาม เป้าหมายและพิธีกรรมจากส่วนกลาง ท�าให้เกิดการท้าทาย
             และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมที่เป็นอยู่ ที่เดิมมีเส้นแบ่งและความไม่เท่าเทียมกันระหว่างนายกับทาส

             และภายใต้หลักการของศาสนาคริสต์ มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันต่อพระผู้เป็นเจ้า ทุกคนมีความส�าคัญ
             เท่าเทียมกันมีสิทธิ์ที่จะเข้าพิธีรับศีลเป็นชาวคริสต์และท�าพิธีแต่งงานและพิธีศพเหมือนกัน จากหลักการ

             ดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อระเบียบโครงสร้างของสังคมสวีเดนที่แบ่งนายกับทาส เพราะทาสภายใต้
             คริสต์ศาสนาสามารถรับศีล แต่งงานและท�าพิธีศพภายในเขตของโบสถ์ได้ไม่ต่างกัน และภายใต้หลักการ

             ของคริสต์ศาสนานี้ แม้แต่คนสวีเดน ที่มีสถานะสูงทางสังคมก็จะไม่สามารถน�าศพไปฝังในบริเวณเนินเขา
             ที่เป็นที่ฝังศพของตระกูลตามประเพณีดั้งเดิมได้อีกต่อไป กล่าวคือ คริสต์ศาสนาท�าให้สถานะของทาส

             ในสังคมสวีเดนถูกท้าทาย ทาสเริ่มมี “พื้นที่สถานะ” ในสังคม  226


                      สังคมสวีเดนก่อนหน้าที่คริสต์ศาสนาจะมีอิทธิพลชัดเจนนั้น ผู้ที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็น “คน”
             (Man) คือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสมาชิกในสังคม ผู้ที่มีสถานะของการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ

             สังคมคือ ผู้ที่มีสิทธิ์ในการสืบมรดกที่เป็นที่ดิน และคนประเภทนี้เรียกว่า bofast โดยมีรากศัพท์มาจากค�าว่า
             bonde และค�าว่า ชาวนาชาวไร่ก็มาจากค�าว่า boende ที่หมายถึง ผู้ที่อาศัยอยู่บนที่ดิน การเป็น bofast

             ท�าให้คนผู้นั้นมีคุณสมบัติเป็นคนที่มีสิทธิ์ทุกประการของการเป็นพลเมือง นั่นคือ สิทธิ์ในการมีส่วนร่วม
             และสามารถร้องเรียนเรื่องราวของเขาต่อที่ประชุมในชุมชน อันได้แก่ landsting หรือ hundaresting รวมทั้ง

             ร้องเรียนต่อกษัตริย์ด้วย และมีสิทธิ์ที่จะสาบานตนในฐานะพยาน (ga ed: สาบาน) ต่อที่ประชุมใดๆ และ
             มีสิทธิ์ที่จะซื้อขายท�าการค้า ใครที่มีสิทธิ์ต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นสมาชิกที่สมบูรณ์ครบถ้วนของสังคมสวีเดน
                                                                                                     227

                      ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เสรีชนทุกคนจะเป็นคนหรือ Man เต็มตัว เพราะคนในสังคมสวีเดน

             โบราณจะมีระดับของคุณค่าของความเป็นคน (shades of human worth) ที่ถูกประเมินและจัดล�าดับโดย
             เทียบเคียงกับระยะห่างจากสถานะของคนที่เป็นคนสมบูรณ์ (Man) ซึ่งเราจะเข้าใจการจัดล�าดับสถานะ




             224   Joan Dyste Lind, “The Ending of Slavery in Sweden: Social Structure and Decision Making,” Scandinavian
             Studies, Vol. 50, 1 (1978): 58.
             225   Joan Dyste Lind, “The Ending of Slavery in Sweden: Social Structure and Decision Making,” Scandinavian

             Studies, Vol. 50, 1 (1978): 60.
             226   Joan Dyste Lind, “The Ending of Slavery in Sweden: Social Structure and Decision Making,” Scandinavian

             Studies, Vol. 50, 1 (1978): 60.
             227   Joan Dyste Lind, “The Ending of Slavery in Sweden: Social Structure and Decision Making,” Scandinavian
             Studies, Vol. 50, 1 (1978): 61.
   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96