Page 44 - kpiebook67014
P. 44
เมืองให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น ถนนคนเดินปลอดขยะ ถนนคนเดินปลอดเหล้า รวมไปถึงการอนุรักษ์
ประเพณีวัฒนธรรม
จากการจัดท าแผนด าเนินกิจกรรมเหล่านี้ ประชาชนชาวเชียงคาน เทศบาลต าบลเชียงคาน และสถาบัน
พระปกเกล้า ได้ร่วมกันคัดเลือกไปด าเนินกิจกรรมจ านวน 2 กิจกรรม ได้แก่ การสร้างธรรมนูญเชียงคานผ่าน
กระบวนการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น และการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมผ่านบทเพลงของเยาวชน กล่าวคือ
1) การสร้างธรรมนูญเชียงคานผ่านกระบวนการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น เป็นสิทธิในการมีส่วน
ร่วมในการออกกฎหมายและข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 254 ก าหนดให้
ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเข้าชื่อกันเพื่อเสนอข้อบัญญัติได้ และเป็นไปตาม
พระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ.2565 มาตรา 7 วรรคสอง ได้ก าหนดเงื่อนไขจ านวนผู้เข้าชื่อ
เสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวมกันจ านวนไม่น้อยว่าสามพันหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งในยี่สิบของ
จ านวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งการเข้าชื่อเสนอกฎหมายท้องถิ่น (law Initiatives) จึง
เป็นกระบวนการที่ท าให้ประชาชนในท้องถิ่นมีช่องทางในการจัดสรรวาระทางกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา
ท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนในพื้นที่ในประเด็นนั้น ๆ โดยตรง เพราะอาจไม่มี
กฎหมายหรือกฎระเบียบรับรอง หรือกฎหมายหรือกฎระเบียบที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนในสังคม
หรือท้องถิ่นนั้น ๆ
2) การอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมผ่านบทเพลงของเยาวชน เป็นการน าเรื่องราวของทุนทางวัฒนธรรม
ทั้งประเพณี วัฒนธรรม อาหาร ขนม ต านาน ภาษาถิ่น สถานที่ส าคัญของเชียงคาน มาร้อยเรียงเป็นบทเพลงให้มี
ความน่าสนใจและร่วมสมัย โดยให้เยาวชนของเชียงคานมีบทบาทส าคัญในการถ่ายทอดขับขาน ส่งต่อเรื่องราวของ
เชียงคาน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์แก่คนภายนอกต่อไป รวมถึงคนในเชียงคาน
โดยเฉพาะคนนอกที่เข้ามาอยู่ใหม่ และเยาวชนลูกหลานชาวเชียงคาน
5.1.3 การสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
การสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมที่เกิดขึ้นในเชียงคานภายใต้การด าเนินโครงการ จะเห็นได้จาก
1) การมีวาระร่วมของชุมชนเกี่ยวกับทุนทางวัฒนธรรม โดยที่การด าเนินโครงการนี้ ได้ท าให้เชียงคานมี
วาระร่วมของชุมชน (agenda) เกี่ยวกับทุนทางวัฒนธรรม ทั้งในแง่มุมของการปกป้องและรักษาให้คงอยู่ และการ
ต่อยอดใช้ประโยชน์จาก “คุณค่า” (value) ของทุนทางวัฒนธรรมที่มีเพื่อให้เกิด “มูลค่า” (cost) ที่สามารถสร้าง
รายได้ให้กับชุมชนและคนเชียงคานได้ วาระร่วมดังกล่าวในทางหนึ่งจึงเป็นการจัดวางต าแหน่งแห่งที่ (positioning)
ของเชียงคานให้มีความชัดเจน ว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะพัฒนาเชียงคานไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นวาระร่วม
ที่ไม่ได้เกิดจากการชี้นิ้วสั่งการ แต่มาจากการสะท้อนความคิดเห็นและความต้องการจากคนในชุมชนเอง ทั้งชุมชน
บ้านเหนือและชุมชนบ้านใต้
2) การมีกติกาสังคมที่เป็นทางการ โดยกฎหมายท้องถิ่นเป็นมาตรการหรือเครื่องมือในการจัดระเบียบ
เมืองผ่านกระบวนการเข้าชื่อเสนอเทศบัญญัติเทศบาลต าบลเชียงคาน เรื่อง การอนุรักษ์ ส่งเสริมและพัฒนาวิถี
วัฒนธรรมชุมชนบ้านไม้เก่า พ.ศ. 2566 ซึ่งเนื้อหาของร่างเทศบัญญัติฉบับนี้มาจากความเห็นของผู้คนในชุมชน มี
ความแตกต่างออกไปจากเทศบัญญัติฉบับอื่น ๆ ของเทศบาลต าบลเชียงคานที่ก าหนดวาระมาจากฝ่ายการเมือง
ท้องถิ่น
3) การมีแนวทางแก้ไขปัญหาของชุมชนในอนาคต ด้วยกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและ
กระบวนการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นโดยประชาชน เพื่อที่ว่าในอนาคตเมื่อเชียงคานเจอประเด็นปัญหาใหม่ ๆ
หรือภัยคุกคามใหม่ ๆ จะสามารถใช้แนวทางนี้เพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้
- 41 -