Page 46 - kpiebook67014
P. 46
“การมีเทศบัญญัติเพื่อการจัดการความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเมือง
เชียงคานต่อไปได้ ...เทศบัญญัติที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและเข้าชื่อเสนอโดยประชาชนนี้จะท า
ให้เกิดความมั่นคงทางสังคมในชุมชนได้เมื่อมีการน าไปใช้จริง อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการออก
ข้อก าหนดของชุมชนหรือกฎหมายท้องถิ่นที่มาจากความเห็นของประชาชนเพื่อรับมือกับปัญหาใหม่ ๆ ของชุมชน
ในอนาคตได้”
“…รู้สึกถึงทิศทางที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างการท่องเที่ยวที่รู้สึกถึงความมั่นใจ 80% โดยหวังให้เชียงคานเป็น
แหล่งท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามา ทั้งนี้ เชียงคานจ าเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของ
ผู้น า จึงจะท าให้ความมั่นคงของชุมชนดียิ่งขึ้น เพราะหากไม่มีการพัฒนาปรับปรุงก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
ประเด็นสรุปจากการสนทนากลุ่มดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นว่าจะเกิดความมั่นคงทางสังคมขึ้นใน
อนาคต โดยบทสรุปแรก สะท้อนให้เห็นว่าความมั่นคงทางสังคมในเชิงมาตรฐานความเป็นอยู่และความสามารถที่
จะได้มาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดี เพราะชุมชนมองเห็นว่าตนมีโอกาสที่จะไปสู่สังคมที่สงบเรียบร้อย สามารถจัดการ
ปัญหาตนเองได้ ขณะที่บทสรุปที่สอง สะท้อนให้เห็นว่าชุมชนมองเห็นและมั่นใจในอนาคตเรื่องรายได้จากการ
ท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี แม้จะมองเห็นอนาคตของความมั่นคงทางสังคมในพื้นที่ แต่คณะผู้วิจัยเห็นว่ามีความจ าเป็นใน
การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมในพื้นที่ที่สอดคล้องกันกับ Dreze & Sen (1991, p.10) ที่กล่าวว่า ความมั่นคง
ทางสังคมมีความจ าเป็นต้องท าให้เกิดขึ้น เมื่อพบว่าปัญหาทางสังคมมีการขยายวงกว้างและความขาดแคลนยังคงมี
อยู่เนื่อง ท าให้เกิดสภาวะความล้มเหลวต่อความสามารถและความจ าเป็นพื้นฐาน กับประการที่สอง เมื่อมีประเด็น
อ่อนไหวจะกระทบต่อความมั่นคงในสถานะความเป็นอยู่ เช่น ความล้มเหลวทางการเพาะปลูก สงครามกลางเมือง
เป็นต้น คณะผู้วิจัยเห็นว่า แม้พื้นที่เทศบาลต าบลเชียงคานในช่วงที่ด าเนินการวิจัยยังไม่ประสบภาวะความขาด
แคลนหรือความมั่นคงทางสังคมมากนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไม่มั่นคงทางสังคมได้ เพราะ
การหารายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่ท าให้การ
ท่องเที่ยวหยุดชะงัก เช่น สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด 19 ซึ่งท าให้รายได้และความมั่นคงในคุณภาพชีวิตถูก
คลอนแคลน คนในชุมชนไม่สามารถที่จะได้มาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นเคย น าไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย หรือ
ความไม่มั่นคงทางสังคมนั่นเอง
นอกจากนี้ การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมด้วยทุนวัฒนธรรมในพื้นที่เทศบาลต าบลเชียงคาน มี
อุปสรรคบางประการที่ควรค านึงถึง ได้แก่ ความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มคนที่แตกต่างกันในพื้นที่ การสื่อสาร
ระหว่างกลุ่มคน และงบประมาณ โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่มคนที่แตกต่างกันในพื้นที่เป็นอุปสรรคส าคัญล าดับ
แรกเพราะผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม ทั้งสามกลุ่มต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันและให้ข้อมูลในเรื่องนี้มาก ดังน าเสนอในบท
ที่ 4 ซึ่งปัญหาเรื่องความร่วมมือน าไปสู่การทวีปัญหาเรื่องการสื่อสาร การสื่อสารถือเป็นปัญหาพื้นที่ในการ
ด าเนินงานของกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ แต่เมื่อมีปัญหาเรื่องความร่วมมือระหว่างกลุ่มคนต่าง ๆ แล้วยิ่งท าให้
ปัญหาการสื่อสารมีมากยิ่งขึ้น เพราะคนที่แตกต่างกันแต่ละกลุ่มย่อมขาดความเข้าใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว อาจท า
ให้การสื่อสารระหว่างกลุ่มบิดเบือน ผิดพลาด หรือไม่ได้รับข่าวสารการด าเนินกิจกรรมของโครงการที่เกี่ยวกับการ
เสริมสร้างความซื่อตรง ขณะที่ปัญหางบประมาณจากผลการศึกษาเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่ได้รับการกล่าวถึงเฉพาะ
กลุ่มของภาคประชาชน แต่คณะผู้วิจัยเห็นว่าอาจยังมีความเข้าใจที่แตกต่างหรือไม่ตรงกันเรื่องงบประมาณ ที่ภาค
ส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องท าความเข้าใจให้ตรงกัน ว่าการเสริมสร้างทุนวัฒนธรรมมีงบประมาณหรือไม่เพียงใด
เหตุใดจึงต้องการความช่วยเหลือจากชุมชน ฯลฯ เพื่อลดปัญหาระหว่างการด าเนินกิจกรรมส่งเสริมทุนวัฒนธรรม
ยกตัวอย่างข้อค้นพบที่แสดงให้เห็นปัญหาส าคัญเฉพาะเรื่องการขาดความร่วมมือ ดังนี้
“การด าเนินงาน…อาจจะไม่รับความร่วมมือเท่าที่ควรและประชาชนไม่ให้ความส าคัญ…”
- 43 -