Page 288 - kpiebook66030
P. 288
สรุปการประชุมวิชาการ
2 สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย
(1) ประมุขแห่งรัฐ คือประธานาธิบดี (2) ฝ่ายบริหาร: คณะมนตรีแห่งรัฐ (3) ฝ่ายนิติบัญญัติ
คือ สภาผู้แทนประชาชนจีน (4) ฝ่ายตุลาการ ได้แก่ ศาลประชาชนสูงสุด และอัยการสูงสุด
และ (5) กองทัพประชาชน ต่างมีอำนาจในการถ่วงดุลกัน แต่ในทางปฏิบัติ ประธานาธิบดี
สี จิ้นผิง มีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสถานะเช่นเดียวกับ เหมา เจ๋อตง เติ้งเสี่ยวผิง และ
เจียง เจ๋อหมิน จีนจึงไม่มีระบบตรวจสอบและถ่วงดุล แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้มีอำนาจ
สูงสุด เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการควบคุมสถาบันทางการเมืองจีนทั้งหมด นโยบายสิ่งแวดล้อมและ
การรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบจึงขึ้นอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้งสิ้น (Brown, 2018;
วรศักดิ์ มหัทธโนบล, 2564)
บทสรุป
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในระบอบการเมืองและ
โครงสร้างการการเมือง ที่แตกต่างโดยเปรียบเทียบสหรัฐอเมริกาและจีน พบว่าประเทศ
สหรัฐอเมริการับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่บนความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างประชาธิปไตย
และปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อชาวอเมริกันตระหนักถึงมลพิษทางอากาศแล้วจึงกดดันให้รัฐบาล
กลางสหรัฐฯ ในการลงนาม ออกกฎหมาย ก่อรูปนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับแรก
รัฐมีคำสั่งนโยบายลงมาสู่ประชาชน และยังมีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ไม่อาจลิดรอนสิทธิและเสรีภาพ
ของประชาชน อีกทั้งยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและทิศทาง
การบริหารจัดการภายในรัฐ เราจึงเห็นได้ว่าหากรัฐในระบอบประชาธิปไตยเพิกเฉยต่อภัย
คุกคาม ประชาชน เช่น กลุ่มผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม และระบบตุลาการสามารถริเริ่ม
เปลี่ยนนโยบายของรัฐได้ตามกลไกในระบอบประชาธิปไตยโดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่คุณภาพ
ชีวิตที่ดีของประชาชน หลังการใช้นโยบายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอากาศสะอาดตั้งแต่ปี 1970
ปัจจุบันชาวอเมริกันกว่า 213 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการตรวจสอบคุณภาพของอากาศ
อยู่เสมอ และอากาศสะอาดทำให้ชาวอเมริกันมีชีวิตยาวนานขึ้นกว่า 1.5 ปี (AQLI, 2020)
ในทางตรงกันข้ามประเทศจีนภายใต้ระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์มีความสัมพันธ์
เชิงอำนาจแบบบนลงล่าง กล่าวคือรัฐจะเป็นผู้ออกคำสั่งและนโยบายต่าง ๆ จากส่วนบนลงสู่
ส่วนล่างเท่านั้น การรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่จึงประสบความสำเร็จได้จากคำสั่ง
อันเด็ดขาดที่รัฐใช้การควบคุม ให้รางวัล และลงโทษ เป็นมาตรการเชิงบังคับ ประชนชน
มีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยมาก รัฐบาลประกาศนโยบาย “สงครามต่อต้านมลพิษ” ในปี 2014
และการใช้มาตรการเชิงรุกและบังคับ แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะลิดรอนสิทธิของประชาชนและ
บทความที่ผ่านการพิจารณา ไร้ระบบตรวจและถ่วงดุลก็ตาม เช่น การรื้อถอนเครื่องทำความร้อนในครัวเรือน และในอาคาร
เรียนอย่างกะทันหัน แม้ว่าประชาชนจะไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิของตนได้
นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สงครามต่อต้านมลพิษของประเทศจีนประสบความสำเร็จ โดยปักกิ่ง
กลับมามีท้องฟ้าที่สดใสอีกครั้งภายในเวลาเพียง 7 ปีเท่านั้น