Page 58 - kpiebook66023
P. 58
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
แนวคิดเรื่องการก าหนดสัดส่วนการแบ่งกันก าไรเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรจะมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
อัตราส่วนที่เหมาะสมกับประเทศไทย และควรน าแนวทางอื่น ๆ มาประกอบ เช่น อาจก าหนดให้มีข้อยกเว้น
ได้แต่จะต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมมาเป็นหลักฐานประกอบ และมีการจ ากัดระยะเวลาที่จะได้รับข้อยกเว้น
นอกจากนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมจะมีการใช้เงินที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อสังคม
ควรก าหนดเป็นหน้าที่ของกรรมการ (fiduciary duty) ที่จะต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม
วัตถุประสงค์เพื่อสังคมตามแนวทางของ Benefit Corporation ของสหรัฐอเมริกา
(4) มาตรา 6 ประเภทของวิสาหกิจเพื่อสังคม
อาจพิจารณายกเลิกมาตรานี้ เพราะการบังคับใช้มีลักษณะเป็นการยกเว้นบทบัญญัติส าคัญของ
ประมวลแพ่งและพาณิชย์ แต่เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีรูปแบบองค์กรลูกผสมเช่นเดียวกับของส
หราชอาณาจักรหรือสหรัฐอเมริกา จึงท าให้มีการตราบทบัญญัติในลักษณะนี้ขึ้น อย่างไรก็ดี อาจพิจารณา
แก้ไขกฎหมายบริษัทให้สามารถรองรับวิสาหกิจเพื่อสังคมได้
นอกจากนี้ ควรมีการแก้ไขค าที่ใช้ในมาตรานี้เพื่อให้ครอบคลุมรูปแบบองค์กรนิติบุคคลที่
หลากหลายมากขึ้น โดยแก้ไขจาก “ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น” เป็น “ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้น ผู้เป็นเจ้าของ
กิจการ สมาชิก หรือผู้แทนนิติบุคคล”
(5) ควรยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรื่อง ระยะเวลาด าเนินกิจการใน
การขอจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 เพราะการจัดตั้งองค์กรนิติบุคคลมาแล้ว 1 ปี ไม่ได้
เป็นสิ่งยืนยันว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมจะไม่ล้มเลิก หรือไม่ได้มีความตั้งใจท าเพื่อวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
แต่อาจจะท าให้เกิดความยุ่งยากในการจดทะเบียนนิติบุคคลมากยิ่งขึ้น
(6) ควรพิจารณาออกกฎหมายรูปแบบใหม่ส าหรับองค์กรลูกผสมโดยเฉพาะ เช่น CIC หรือ L3C
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับวิสาหกิจเพื่อสังคม
5.2 ข้อเสนอแนะทำงนโยบำย
(1) ควรจัดท าคู่มือให้ค าแนะน าเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมในรูปแบบ
องค์กรนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ รวมถึงประโยชน์และข้อจ ากัดของแต่ละรูปแบบองค์กรเพื่อเป็นข้อมูล
ส าหรับผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมในการตัดสินใจ
(2) ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกฎหมายองค์กรนิติบุคคล และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
กฎหมายภาษีอากร เพื่อให้แน่ใจว่าพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมมีความสอดคล้องกับกฎหมาย
อื่น ๆ เพื่อป้องกันการขัดกันของกฎหมาย หรือท าให้เกิดการตีความของกฎหมายที่ต่างกัน
(3) ควรมีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องความแตกต่างระหว่างรูปแบบองค์กรช่วยเหลือสังคมแบบดั้งเดิม
และวิสาหกิจเพื่อสังคมซึ่งเป็นองค์กรลูกผสมรูปแบบใหม่ เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมเข้ามาเป็นส่วน
หนึ่งของภาควิสาหกิจเพื่อสังคม หรือให้ประชาชนได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสนับสนุนหรือลงทุนมากขึ้น ปัจจุบันการประชาสัมพันธ์เน้นการให้ประชาชนร่วมกัน
บริจาคให้กองทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม แต่จริง ๆ แล้วยังมีแนวทางการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกันสนับสนุน
วิสาหกิจเพื่อสังคมทางอื่นด้วย เช่น การให้ประชาชนซื้อสินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม 43