Page 390 - kpiebook65072
P. 390
389
นโยบายที่มุ่งคุ้มครองเหยื่อของไทย จึงควรกล่าวถึงประเด็นนี้
719
ในร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย โดยในขั้นต้นอาจกำาหนดให้เป็นอำานาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการฯ ดังแนวทางที่ร่างพระราชบัญญัติฯ
ฉบับอื่นได้กำาหนดไว้แล้ว หรือกำาหนดให้คณะกรรมการฯ มีอำานาจ
หน้าที่ในการวางกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้เพื่อบังคับใช้ในอนาคต
3. แม้อนุสัญญา CED จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าในการเข้าถึงสถานที่
ที่บุคคลถูกจำากัดเสรีภาพสามารถไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าได้ เพราะ
ถูกกำากับด้วยถ้อยคำาที่ว่า “หากจำาเป็นก็ต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้า
จากหน่วยงานด้านการศาล” แต่ในทางหลักการแล้ว การไม่แจ้ง
ให้ทราบล่วงหน้าจะทำาให้การดำาเนินการตรวจเยี่ยมเป็นไปตาม
ความมุ่งประสงค์ในการคุ้มครองบุคคลตามที่อนุสัญญา CED
มุ่งหมายมากที่สุด เพราะจะช่วยลดโอกาสที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ประจำาสถานที่ควบคุมตัวบุคคลอาจดำาเนินการปกปิดหรือ
เคลื่อนย้ายตัวบุคคลเมื่อได้รับแจ้งว่าจะมีการเข้ามาตรวจเยี่ยม
4. รูปแบบการดำาเนินการในเรื่องนี้ อาจพิจารณาจากแนวทางของ
สวิตเซอร์แลนด์ที่มีการทำาความตกลงร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตให้หน่วยงานที่เข้าร่วมในความตกลง
สามารถเข้าตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังบุคคลของกันและกันได้
ทุกเวลา (At all times) อย่างไรก็ดี รูปแบบการทำาความร่วมมือ
720
ในลักษณะนี้อาจมีประเด็นสภาพบังคับทางกฎหมายเมื่อปรับใช้
ในบริบทประเทศไทยได้
719 กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ และคณะกองบรรณาธิการ, การคุ้มครอง “เหยื่อ” ในกระบวนการ
ยุติธรรมทางอาญา, หนังสือชุดโครงการเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย
(Thai Criminal Justice Reform Forum) (2552).
720 โปรดดูหัวข้อ 6.2.8.2.
inside_ .indd 389 14/9/2565 11:15:11