Page 89 - kpiebook65062
P. 89

การเรียนการสอนวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ในสยาม



                         การศึกษาวิชาช่างในสยามตามแผนการศึกษาสมัยใหม่นั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายรัชกาลที่ ๕
                   เมื่อมีการตั้ง สโมสรช่าง ขึ้นที่สามัคคยาจารย์สถาน เพื่อให้ความรู้วิชาช่างต่าง ๆ ได้แก่ ช่างเขียน

                   ช่างปั้น และช่างก่อสร้าง ต่อมาเมื่อมีผู้สนใจเข้าเรียนทวีจำนวนมากขึ้น กระทรวงธรรมการจึงเปิด
                   โรงเรียนฝึกหัดการหัตถกรรมขึ้นที่ถนนตรีเพชร และทดลองจัดงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียนขึ้น

                   ใน พ.ศ. ๒๔๕๕ จากนั้นจึงได้ใช้ทุนที่ข้าราชการกระทรวงธรรมการได้เรี่ยรายกันในคราวที่รัชกาลที่ ๕
                   เสด็จสวรรคต สมทบกับงบประมาณกระทรวงธรรมการ รวมเป็นเงิน ๒๙,๐๐๐ บาท สร้าง โรงเรียน
                   เพาะช่าง ขึ้น เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในรัชกาลที่ ๕ และเพื่อว่า “วิชาช่างที่จะได้เพาะปลูกขึ้นใน

                   โรงเรียนนี้ คงจะแตกดอกออกผลงอกงามให้เปนประโยชน์แก่ประชาชนในบ้านเมืองโดยไม่รู้สิ้นสุด”
                   ตามนามโรงเรียนที่รัชกาลที่ ๖ พระราชทานนั้น  โดยในคราวที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงเรียน
                                                           ๒๗
                   เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ นั้น รัชกาลที่ ๖ มีพระราชดำรัส ความตอนหนึ่งว่า

                         “วิชาช่างแลฝีมือการช่าง ทั้งสองอย่างนี้ เปนเครื่องแสดงความงามแลความประณีต ซึ่งจะ

                   มีได้เปนได้แต่ในประเทศบ้านเมืองที่สงบราบคาบ แลมีการปกครองเปนอันดี ไพร่ฟ้าประชาชนได้รับ
                   ความสงบร่มเย็นเพื่อประกอบการอาชีวะได้สะดวก จึงมีเวลาคิดแลบำรุงความงามความประณีตให้เปน

                   ที่น่าสรรเสริญ . . . ความเจริญในวิชาช่างจึงเปนเครื่องวัดความเจริญแห่งชาติ”
                         “ชาติไทยเราได้เคยถึงซึ่งความเจริญมานานแล้ว ดังปรากฏด้วยระเบียบแบบแผนแลตำนาน
                   ของเรา แต่บางสมัยในพงษาวดารของเราได้มีข้าศึกสัตรูเข้ามาย่ำยีทำลายถาวรวัตถุต่างๆ ของเรา

                   แลทำความทรุดโทรมให้เปนอันมาก ครั้นต่อมาเมื่อเราต้องดำเนิรตามสมัยใหม่ วิชาช่างของเรา
                   เราก็ชวนจะลืมเสียหมด ไปหลงเพลินแต่จะเอาอย่างของคนอื่นเขาถ่ายเดียว ผลที่สุดก็คือกรุงเทพฯ

                   เดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยสถานที่อันเปนเครื่องรำคาญตาต่าง ๆ แท้จริงวิชาช่างเปนวิชาพื้นเมือง จะคอยแต่
                   เอาอย่างของคนอื่นถ่ายเดียวไม่ได้ เพราะงามของเขาไม่เหมาะแก่ตาเรา แลฐานะของเขากับของเรา
                   ต่างกัน ที่ถูกนั้นควรเราจะแก้ไขพื้นวิชาของเราเองให้ดีขึ้นตามความรู้ แลวัตถุอันเกิดขึ้นใหม่ตามสมัย . . .

                   เปรียบเหมือนเอาพรรณพืชของเราเองมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเรา แล้วบำรุงให้เติบโตงอกงาม
                   ดีกว่าที่จะไปเอาพรรณไม้ต่างประเทศมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเราอันไม่เหมาะกัน” ๒๘


                         กิจการโรงเรียนเพาะช่างพัฒนาไปโดยลำดับ ทั้งวิชาช่างเขียน ช่างปั้น และช่างก่อสร้าง
                   ตามหลักสูตรที่นายเอ็ดเวิร์ด ฮีลีย์ (Edward Healey) สถาปนิกชาวอังกฤษ และครูใหญ่คนแรกของ

                   โรงเรียน ได้วางไว้ ตามแนวทางการเรียนการสอนแบบวิชาอาชีวศึกษา (Vocational Education)





               8     สถาปัตย์ใต้ร่มฉัตรพระปกเกล้าฯ
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94