Page 113 - kpiebook65062
P. 113
พระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์
พระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นโครงการก่อสร้างที่มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ตามพระราชดำริว่า
พระอุโบสถหลังเดิมซึ่งสร้างสมัยรัชกาลที่ ๔ มีสภาพทรุดโทรมจึงรื้อลง และ การคงค้างมาจนถึงรัชกาล
ที่ ๗ ในพ.ศ. ๒๔๗๑ หม่อมเจ้าธำรงศิริ ศรีธวัช สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี ทูลขอให้สมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา ซึ่งได้ทูลขอให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ
๘
กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกราชบัณฑิตยสภา ทรงออกแบบอาคารขึ้นใหม่ เป็นพระอุโบสถ
ขนาดเล็ก มีผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดห้าห้อง ต่อมุขด้านหน้าเป็นทางเข้า มุขด้านหลังเป็นที่
ประดิษฐานพระประธาน มีประตูเข้าสู่ภายในอาคารสามด้านคือ ประตูหน้า ๑ ช่อง และประตูด้านข้าง
๒ ช่อง หลังคาจั่วมีหลังคาปีกนกรอบ เพิ่มมุขประเจิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตรงกับมุขทางเข้าและ
มุขที่ประดิษฐานพระประธาน รูปทรงอาคารค่อนข้างทึบและเรียบง่าย ไม่ตกแต่งประดับประดาด้วย
๙
เครื่องลำยอง เว้นแต่ส่วนไขราหน้าบันที่ทำเป็นลายกนกซิเมนต์หล่อเรียบๆ สถาปนิกทรงสร้างความ
น่าสนใจในผนังภายนอกด้วยการถอยผนังระหว่างช่วงเสาเข้าไปให้เห็นแนวเสาและแนวคานเป็นสามมิติ
รอบอาคาร
เมื่อแบบขั้นต้นของพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์เป็นที่พอพระทัยของสมเด็จฯ กรมพระดำรง
ราชานุภาพแล้ว ก็โปรดให้ประทานแบบนั้นต่อไปยังสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี ทรงจัดหาผู้รับเหมา
มาดำเนินการก่อสร้างตามแบบของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์นั้น โดยประทานแบบ
๑๐
รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นลำดับมา จนถึงราวพ.ศ. ๒๔๗๕ การก่อสร้างจึงเรียบร้อยสมบูรณ์ ทั้งนี้
หนังสือโต้ตอบระหว่างสมเด็จฯ กรมพระดำรงราชานุภาพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์
และหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ ผู้อำนวยการศิลปากรสถานชี้ให้เห็นความน่าสนใจของการออกแบบ
อาคารหลังนี้สองประการ ประการแรก สถาปนิกทรงคำนึงถึงมิติทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน เพราะ
องค์พระประธาน คือพระพุทธรูปศิลาขาวนั้น เป็นพระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนาสมัยทวารวดี
ที่มีการขุดพบและอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๔ จึงทรง
ออกแบบอาคาร โดยเฉพาะซุ้มที่ประดิษฐานพระประธาน ให้เรียบง่าย ใช้สีผนังด้านหลังขับเน้น
องค์พระให้โดดเด่น ส่วนที่ผนังพระอุโบสถด้านหลังพระประธานทรงออกแบบจารึกอักษรคาถา เย ธมฺมา
ด้วยตัวอักษรปัลลวะ ตามแบบจารึกสมัยทวารวดีที่ค้นพบในสมัยนั้น ประการที่สอง ในการออกแบบ
รายละเอียดลวดบัว ใบเสมา ตลอดจนซุ้มพระประธานนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์
ทรงใช้ทั้งช่างฝรั่งและช่างไทยในศิลปากรสถาน ได้แก่พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) และนายคอร์ราโด
เฟโรจี (ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี) โดยที่นายเฟโรจีเป็นผู้กำกับการจัดสร้างใบเสมาหินอ่อนรูป
ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งต้องสั่งทำจากประเทศอิตาลี ๑๑
102 สถาปัตย์ใต้ร่มฉัตรพระปกเกล้าฯ