Page 87 - kpiebook65056
P. 87
86 ผู้ นร รสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 87
แต่มีข้อที่น่าสังเกตว่าในการออกเสียงของราษฎรนั้นกำาหนดให้ กฎหมายเลือกตั้งฉบับแรกนี้ผ่านสภาฯ ในวันที่ 3 ธันวาคม
ผู้ออกเสียงเขียนชื่อและที่อยู่ของผู้มีสิทธิ ออกเสียงลงในบัตรด้วยนั้น จ ง พ.ศ. 2475 นับว่าสภาฯ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลในการพิจารณาเป นอย่างดี
ทำาให้เจ้าหน้าที่สามารถรู้ว่าผู้ออกเสียงเลือกใครนั่นเอง ดังปราก ความใน ผ่านสภาฯ ออกมาได้ในวันเดียวกันที่สภาฯ มีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนู
มาตรา 17 ว่า แต่กว่าจะมีการประกาศใช้ก็ผ่านมาอีกถ ง 13 วัน เพราะได้มีการประกาศใช้
ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2475 จ งพ้นสมัยรัฐบาลของคณะกรรมการ
“ให้ผู้มีสิทธิ ออกเสียงรับแจกบัตรออกเสียง จากกรม ราษฎร แต่ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซ ่งเป นหัวหน้ารัฐบาลยังเป นบุคคล
การอ�าเ อก่อนวันออกเสียง คนเดียวกัน คือพระยามโนฯ ในตำาแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป นดังนี้เนื่องจาก
ในบัตรนั้นให้เขียนชื่อ เลขหมายบ้าน หรือหมู่บ้าน ของ หลังวันที่ 3 ธันวาคม แล้ว ทางสภาฯ และรัฐบาลก็คงกำาลังยุ่งอยู่กับงาน
ผู้มีสิทธิ ออกเสียง ที่เตรียมการพระราชทานรัฐธรรมนู ถาวรฉบับแรกของสยามประเทศ
ซ ่งเป นงานให ่และสำาคั มากของประเทศ และกฎหมายเลือกตั้งฉบับนี้
ให้ผู้มีสิทธิ ออกเสียงลงลายมือชื่อของตนในบัตรนั้น ได้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ซ ่งเป นวันที่ลงประกาศใน
ถ้าลงลายมือชื่อไม่ได้ ให้ลงลายนิ้วมือ โดยไม่ต้องมีพะยานรับรอง”
ราชกิจจานุเบกษา
การที่กำาหนดให้ลงชื่อและที่อยู่ของผู้ออกเสียงลงในบัตรออกเสียง
เช่นนี้ ปราก ว่าในวันที่พิจารณาในสภาฯ ก็ไม่มีผู้ได้ซักถามในประเด็นนี้
จ งไม่มีคำาอธิบายว่าเหตุใดจ งกำาหนดเช่นนี้ อันทำาให้เห็นว่าการออกเสียง
ชั้นแรกไม่เป นเรื่อง ลับ ในชั้นที่ 2 ก็คงไม่ลับอีกเช่นกัน เพราะต้อง
ดำาเนินการตามมาตรา 17 โดยอนุโลม แล้วผู้แทนตำาบลไปแสดงตนและ
หย่อนบัตรลงในหีบบัตรออกเสียงได้ ตามความในมาตรา 29
“ในวันออกเสียงให้ผู้แทนต�าบลไปแสดงตนต่อกรรมการ
ตรวจคะแนนเสียงเพื่อให้หมายไว้ในบัญชีผู้แทนต�าบลว่าผู้นั้นได้มา
ออกเสียงแล้ว แล้วให้ผู้แทนต�าบลน�าบัตรออกเสียงซึ่งตนได้เขียน
ชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ตามจ�านวนที่จังหวัดนั้น
จะพึงมีได้ ไปใส่ในหีบบัตรออกเสียง”