Page 646 - kpiebook65012
P. 646

646



        ไปลงคะแนนเสียงโดยควำมส�ำนึกของตัวเองมำกกว่ำกำรถูกระดม
        แต่ในกำรตัดสินใจเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งในกำรลงคะแนนกลับ

        ตัดสินใจได้ล่ำช้ำและมีควำมแน่นอนในกำรตัดสินใจน้อยกว่ำผู้ที่มีวัย
        สูงอำยุ ส่วนผู้ที่มีฐำนะทำงเศรษฐกิจและสังคมต�่ำ มีกำรศึกษำต�่ำมักจะ
        ไปลงคะแนนเสียงโดยกำรชักจูงจำกผู้อื่นมำกกว่ำผู้ที่มีฐำนะทำงเศรษฐกิจ

        และสังคมสูง พวกเขำตัดสินใจว่ำจะเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้ช้ำ
        และมีควำมเป็นตัวของตัวเองในกำรตัดสินใจน้อยกว่ำ จุฑำทิพย์พบอีกว่ำ

        แบบแผนกำรลงคะแนนเสียงผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนครนั้นเป็นไป
        ในทิศทำงเดียวกับแบบแผนพฤติกรรมกำรเลือกตั้งในระดับชำติ กล่ำวคือ
        ผู้ที่มีฐำนะทำงเศรษฐกิจและสังคมปำนกลำงขึ้นไป มีกำรศึกษำสูงในระดับ

        ปริญญำตรีขึ้นไป จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วยควำมส�ำนึกของ
        ตัวเองสูง ตัดสินใจว่ำจะเลือกใครได้รวดเร็วและแน่นอนกว่ำผู้ที่มีฐำนะ

        ทำงเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนกำรศึกษำต�่ำ

                 กำรเลือกตั้งผู้ว่ำรำชกำรกรุงเทพมหำนครเมื่อ 2 มิถุนำยน

        2539 มีควำมส�ำคัญในเรื่องของกำรปรับพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำร
        รำชกำรกรุงเทพมหำนคร โดยพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
        กรุงเทพมหำนคร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2539 ได้เปลี่ยนอำยุของผู้มีสิทธิ

        เลือกตั้งจำกอำยุ 20 ปี มำเป็น 18 ปี งำนวิจัยของมะลิวัลย์ ธนชำติบรรจง
        (2539) เรื่อง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงพฤติกรรมกำรสื่อสำรและปัจจัย

        ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมกำรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่ำรำชกำร
        กรุงเทพมหำนคร 2 มิถุนำยน 2539 ของผู้มีอำยุ 18-19 ปี (วิทยำนิพนธ์
        ปริญญำนิเทศศำสตรมหำบัณฑิต มหำวิทยำลัยกรุงเทพ) พบว่ำจำก

        กลุ่มตัวอย่ำงที่จัดเก็บมำนั้น วัยรุ่นอำยุ 18-19 ปี ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ
   641   642   643   644   645   646   647   648   649   650   651