Page 57 - kpiebook64011
P. 57
ระบอบประชาธิปไตยแบบหัวมังกุท้ายมังกร อาทิ เผด็จการเลือกตั้งนิยม (electoral authoritarianism) หรือ
เผด็จการที่เน้นการแข่งขัน (competitive authoritarianism) เองก็ต้องการระบบอุปถัมภ์และจักรกล
การเมืองเพื่อให้ชนชั้นน าได้มีโอกาสในการด ารงอ านาจและควบคุมกับประชาชนในประเทศได้ โดยท าให้การ
แข่งขันทางการเมืองผ่านการเลือกตั้งเป็นการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรต่าง ๆ มาให้กับพวกตนและ
เครือข่าย ดังนั้นจักรกลการเมืองและระบบอุปถัมภ์ที่มีการปรับตัวนี้จึงเป็นเงื่อนไขส าคัญในการเมืองร่วมสมัย
ของประเทศในลาตินอเมริกา รวมทั้งในกรณีรัสเซียหลังการออกจากระบอบคอมมิวนิสต์
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ (2564) อ้างอิงถึงงานของ Reuter และคณะ (2016) ที่ศึกษาการเลือกตั้งท้องถิ่นใน
รัสเซีย เพื่อเข้าใจพลวัตทางอ านาจของระบอบเผด็จการเน้นการแข่งขันของรัสเซียภายใต้การน าของปูติน และ
พิจารณาความเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในเมืองต่าง ๆ ของรัสเซีย โดยงานของ Reuter
และคณะน าเสนอมุมมองจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่และชี้ให้เห็นปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดในการเมืองเรื่องการ
เลือกตั้งท้องถิ่นในรัสเซียที่ชี้ให้เห็นสัญญาณส าคัญของพลวัตของระบอบเผด็จการเน้นแข่งขันในการเมืองรัสเซีย
ในภาพรวม โดยชี้ว่าจุดส าคัญในการพิจารณาก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองท้องถิ่นในรัสเซียจาก
ยุคที่ก้าวออกจากสังคมคอมมิวนิสต์ ซึ่งการปกครองในรูปเทศบาลนั้นมักจะเป็นไปในลักษณะของการเลือกตั้ง
นายกเทศมนตรีโดยตรงตามเมืองต่าง ๆ แต่เมื่อ 20 ปีผ่านไปสิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่านายกเทศมนตรีของเมือง
ต่าง ๆ ในรัสเซียเกือบครึ่งนั้นถูกเปลี่ยนให้ไปเป็นแบบของการแต่งตั้ง แต่ไม่ได้แต่งตั้งแบบยึดอ านาจ แต่
หมายความว่าสภาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่นั้นกลับลงมติเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นแบบนายกเทศมนตรีที่มา
จากการแต่งตั้งจากสภา อาทิรูปแบบของผู้จัดการเมือง (city manager) และมีความพยายามเปลี่ยนกฎหมาย
ที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ถูกแต่งตั้งมาจากส่วนกลางสามารถก าหนดได้ว่าจะยกเลิกระบบเลือกตั้ง
นายกเทศมนตรีโดยตรง (แต่ก็ไม่ส าเร็จ)
เรื่องผู้จัดการเมืองนั้น แม้ว่าหลายที่ในโลกจะชื่นชมว่าดี แบบสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นการเอา
ผู้บริหารมืออาชีพมาบริหารท่ามกลางการควบคุมของสภาท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องพิจารณาอีกด้าน
หนึ่งด้วยว่าการมีผู้บริหารเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนนั้น ท าให้ประชาชนไม่สามารถควบคุม
ผู้บริหารหลักคนนี้ทางตรงได้ และในเมืองที่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน สมาชิกสภาท้องถิ่นแต่ละที่อาจจะต้องเข้าไป
ประนีประนอมกัน จนเราไม่รู้สึกว่าคนที่เป็นนายกเทศมนตรีของเรามาจากการเลือกของเราเลยก็อาจเป็นได้
ในรายละเอียดของเรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้ในส่วนที่หนึ่งอาจไม่ค่อยน่าแปลกใจว่าเมืองที่เกิดการ
เปลี่ยนแปลงนี้เป็นเมืองที่สมาชิกสภาจ านวนมากสังกัดพรรคของปูติน ข้อค้นพบที่น่าสนใจก็คือเมืองที่
เปลี่ยนเป็นแบบไม่เลือกตั้งทางตรงนั้นกลับเป็นเมืองที่มีการแข่งขันทางการเมืองที่สูสีกัน กล่าวคือเป็นกรณีที่
นักการเมืองท้องถิ่นหรือชนชั้นน าในท้องถิ่นสู้กันแบบหายใจรดต้นคอ คือไม่มีใครชนะเด็ดขาด
ขณะที่เมืองที่มีการชนะกันอย่างเด็ดขาด (เมืองไทยอาจจะเรียกบางเมืองว่าบ้านใหญ่ หรือเมืองที่ผู้น า
ท้องถิ่นโดดเด่นด้วยความนิยม) ทางระบอบปูตินกลับปล่อยให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีทางตรงต่อไป ซึ่ง
ค าถามก็คือท าไมเผด็จการแบบปูตินไม่มองว่าผู้น าท้องถิ่นที่เข้มแข็งทั้งหมดนั้นเป็นศัตรูของเขาที่จะต้องก าจัด
โดย Reuter และคณะเสนอว่า แม้ว่าการเปิดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในระบอบเผด็จการนั้นจะเต็มไปด้วย
ความไม่แน่นอน และมีต้นทุนที่สูง แต่เผด็จการเองก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้เช่นกัน เพราะบรรดานักการเมืองใน
ระดับท้องถิ่นนี้จะเป็นส่วนส าคัญในการสร้างจักรกลทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ เพราะการปล่อยให้พวกนี้
พอมีอิสระบ้างจะเป็นสัญญาณที่สร้างความน่าเชื่อถือว่าพวกเขาจะได้รับความสนับสนุนมากจากฐานรากใน
โครงการศึกษาการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ปี 2563: การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 39