Page 552 - kpiebook63010
P. 552
551
ในตารางแรกเป็นการแบ่งคะแนนเสียงของพรรคการเมืองในกรุงเทพมหานครเป็น 2 ฝั่ง ระหว่าง
พรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน จะเห็นได้ว่า คะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้านในกรุงเทพมหานครรวมกัน
แล้ว (1,684,519 คะแนน) ก็ยังมีมากกว่าคะแนนเสียงรวมกันของพรรคฝ่ายรัฐบาล (1,406,039 คะแนน) อยู่
278,480 คะแนน และหากดูรายเขตจะพบว่าคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้านมีมากกว่าคะแนนเสียงของพรรค
ฝ่ายรัฐบาลเกือบทุกเขตเลือกตั้ง ยกเว้นเขตที่ 1 พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต (ยกเว้น แขวง
ถนนนครไชยศรี) เขตที่ 2 ปทุมวัน บางรัก สาธร เขตที่ 3 บางคอแหลม ยานนาวา เขตที่ 4 คลองเตย วัฒนา และ
เขตที่ 22 คลองสาน บางกอกใหญ่ ธนบุรี (ยกเว้นแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงส�าเหร่)
และหากดูในตารางหลัง ถ้าน�าคะแนนของพรรคที่ไม่ได้แสดงท่าทีในการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ใน
ช่วงหาเสียง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย มารวมกับคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้านด้วย จะ
พบว่ามีคะแนนมากกว่าทุกเขต โดยให้ลองพิจารณาว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยในตอนรณรงค์หา
เสียงเลือกตั้ง ไม่ได้แสดงท่าทีในการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
กรณีของพรรคประชาธิปัตย์นั้นชัดเจนจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ออกมาแสดง
จุดยืนว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน (ข่าวสด, 2562ก) ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค มีจุดยืนสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกของ ส.ส. และเห็นว่า ส.ว.
ไม่ควรมาเลือกนายกรัฐมนตรี (มติชนออนไลน์, 2562ข) ตามค�าพูดของอนุทินเองที่ว่า “ผมจะไม่ยอมรับให้คน
250 คนที่ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชนมาเลือกนายกรัฐมนตรีของผม ให้เป็นส่วนประกอบได้ แต่ไม่ใช่เป็นคนที่
ตัดสินว่าถ้าไม่มีกลุ่มนี้ คนไหนก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้…” (อนุทิน ชาญวีรกูล, 2562ข)
นอกจากนี้ พรรคทั้งสองไม่ได้แสดงท่าทีเต็มใจอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมกับระบอบของคณะรัฐประหาร
มาก่อนตั้งแต่แรก และเมื่อตัดสินใจเข้าร่วมก็เผชิญกับแรงเสียดทาน กรณีของพรรคประชาธิปัตย์ดูได้จากมติของ
พรรคในการเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐซึ่งมติไม่ได้เป็นเอกฉันท์ (ไทยรัฐออนไลน์, 2562จ) และลงเอย
ด้วยการประกาศลาออกจากการเป็น ส.ส. ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค
พลังประชารัฐ (ไทยรัฐออนไลน์, 2562ข) ส่วนพรรคภูมิใจไทยร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐเพราะทางพรรคมี
เงื่อนไขต้องการเข้าร่วมกับฝ่ายที่มีเสถียรภาพ และผลักดันนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน (โดยถ้าพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยเองก็จะไม่ร่วมด้วย เพราะถือว่าไม่มีเสถียรภาพ) ซึ่งการตัดสินใจร่วม
มือกับพรรคพลังประชารัฐก็ท�าให้พรรคภูมิใจไทยเผชิญกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย (ส�านักข่าวอิศรา, 2562ข)
ข้อสรุปอีกประการหนึ่งก็คือ การเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครในรอบนี้นั้นส่วนส�าคัญเป็นการแสดง
เจตจ�านงในการไม่เอาพลเอกประยุทธ์และต้องการน�าเสนอทางออกของประเทศที่ดีกว่า ทางออกที่การปกครอง
โดยคณะรัฐประหารน�าเสนอและปฏิบัติมาตลอดเวลา 5 ปี แม้ว่าทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยจะ
ไม่ได้มีท่าทีในการต่อต้านการท�ารัฐประหารอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง (อย่างไรก็ดี
พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีคะแนนเสียงในกรุงเทพมหานครมากนัก การน�าคะแนนของพรรคนี้มาค�านวนรวมกับ
ฝ่ายต่อต้านระบอบของคณะรัฐประหารก็เพียงเพื่อให้เห็นเจตจ�านงของคนจ�านวนมากในกรุงเทพมหานครที่ไม่
เลือกพลเอกประยุทธ์)