Page 472 - kpiebook63010
P. 472
471
4.3.3.1 การได้เปรียบของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้ง
แบ่งออกเป็นสามด้านการได้เปรียบในเชิงจุดยืนทางการเมือง การได้เปรียบเชิงโครงสร้างระบบการเมือง
และ การได้เปรียบเชิงนโยบาย
ก. การได้เปรียบในเชิงจุดยืนทางการเมือง: เป็นที่รับรู้กันว่า พรรคพลังประชารัฐ มีความเชื่อมโยง
อย่างแนบแน่นกับระบอบรัฐประหารที่ปกครองมาตลอด 5 ปี โดยเฉพาะเมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า
คณะรัฐประหาร (คสช.) และนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ซึ่ง จัดตั้งโดย คสช.
ที่มีพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้า) ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และมีป้ายหาเสียงที่มีรูปพลเอกประยุทธ์
ในทุกเขตเลือกตั้ง แม้ว่าตามกฎหมายจะห้ามพลเอกประยุทธ์ขึ้นปราศรัยและหาเสียง เนื่องด้วยไม่ใช่สมาชิกพรรค
นอกจากความเชื่อมโยงของพลเอกประยุทธ์กับพรรคพลังประชารัฐจะมีความแนบแน่นในแง่ของ
การเป็นแคนดิเดตนายกมนตรีเพียงคนเดียวของพรรค สิ่งที่สร้างความได้เปรียบให้กับพรรคพลังประชารัฐ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ในประการแรกก็คือ ความได้เปรียบในแง่จุดยืนทางการเมืองท่ามกลางทางเลือกทางการเมือง
ระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และ พรรคอนาคตใหม่
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในช่วงการวิเคราะห์ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ว่าส่วนหนึ่งเกิดจาก
ยุทธศาสตร์ในการน�าเสนอทางเลือกของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค โดยการไม่เอาการสืบทอดอ�านาจ
(ซึ่งมีความหมายว่า ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ และ ไม่เอา คสช. ซึ่งในรอบที่แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศ
ไม่รับรองร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็แพ้ไป และเกิดความแตกแยกในความเห็นภายในพรรค) และ ไม่เอาการทุจริต
ซึ่งหมายถึงการไม่เอาระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นข้อความหลักของพรรคมาโดยตลอดตั้งแต่การเป็นพรรคฝ่ายค้าน
เรื่อยมาจนบางส่วนที่เข้าร่วมพันธมิตรฯ และ การที่สมาชิกชิกหลายคนกลายเป็นแกนน�า กปปส.) นอกจากนั้น
ยังได้มีการวิเคราะห์ถึงความเกี่ยวเนื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในการเลือกตั้ง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562
ที่มีทั้งส่วนที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้สนับสนุนเก่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน
อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยและบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเห็นความใกล้ชิดระหว่าง
พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายกับ “สมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์” (ข่าวสด, 2562ด)
ในขณะที่พรรคการเมืองใหม่อีกพรรคหนึ่งอย่างพรรคอนาคตใหม่ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่เอาระบอบ
รัฐประหาร น�าเสนอการปฏิรูปกองทัพ ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ และยังเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ทั้งกับคนรุ่นใหม่
และคนที่ต้องการก้าวพ้นไปจากความขัดแย้งที่มีอยู่เดิมคือ ความขัดแย้งเชิงสีเสื้อ หากแต่ความนิยมของ
พรรคอนาคตใหม่นั้นกลับสร้างกระแสกดดันไปยังพรรคใหญ่ทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์
ในแง่ของการช่วงชิงฐานเสียงคนรุ่นใหม่ เพื่อไทยในแง่ของการชิงฐานเสียงฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า
และการต่อต้านรัฐประหาร และพลังประชารัฐในแง่ของการต่อต้านรัฐประหาร ทั้งหมดนี้ท�าให้อนาคตใหม่นั้น
ทั้งได้รับความนิยมและถูกต่อต้านอย่างรุนแรง