Page 151 - kpiebook63008
P. 151

151








                          การนำาเสนอนโยบายหาเสียงที่มุ่งเป้าหมายเพื่อชัยชนะทางการเมืองดังกล่าวปรากฏในทุกพรรคการเมือง

                  อย่างเข้มข้นหรือที่อาจกล่าวในภาษาการเมืองได้ว่าดุเดือด/รุนแรงในเชิงการตลาดการเมือง ทั้งนี้อาจแบ่งได้เป็น
                  2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพรรคที่มุ่งเน้นการใช้นโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นนโยบายเด่นของพรรค ประกอบด้วย

                  พรรคพลังประชารัฐซึ่งได้อธิบายไปข้างต้นแล้ว และพรรคประชาธิปไตยนำาเสนอนโยบายเด่นอย่าง
                  “เกิดรับสิทธิ์เงินแสน เงินอุดหนุนถ้วนหน้า เด็ก 0-8 ขวบ 1,000-/เดือน เบี้ยผู้สูงอายุทุกคน 1,000-/เดือน

                  ประกันรายได้แรงงาน 120,000-/ปี เบี้ยผู้ยากไร้ขั้นตำ่า 800-/เดือน โอนตรงสู่บัญชี ราคายาง 60-/กก. 25 ไร่,
                  ปาล์มนำ้ามัน 4-/กก.” ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเน้นนโยบายเด่น ประกอบด้วย “...ตั้งกองทุนข้าวหอมมะลิ ตันละ

                  18,000-บวกเพิ่ม 1,500- รวม 19,500-, มันสำาปะหลัง ไม่ตำ่ากว่า กก.ละ 4 - อ้อยไม่ตำ่ากว่าตันละ 1,200- ปาล์ม
                  ไม่ตำ่ากว่า กก.ละ 5 - ยางพารา กก.ละ 70- ยก อสม. เป็นหมอประจำาบ้านค่าตอบแทน 2,500 – 10,000 /เดือน”

                  และพรรคเพื่อชาติ เน้นนโยบาย “โฉนดใบเดียว; ยกเลิกเอกสารสิทธิทุกประเภท อาทิ ส.ป.ก. น.ส.2 เพื่อลดปัญหา
                  ความเหลื่อมลำ้า เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการ 2,000-/เดือนตลอดชีพ นโยบายสินค้าการเกษตรยางพารา

                  ราคา 80-/ก.ก. ข้าวหอมมะลิ 20,000-/เกวียน อ้อย 900-/ตัน มันสำาปะหลัง 3-ต่อ ก.ก. แก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ
                  ผ่านการแก้กฎหมายให้รัฐช่วยคำ้าประกันเงินกู้ *นโยบายปลอดภาษีรถยนต์เพื่อการเกษตร”


                          สำาหรับกลุ่มที่สอง นโยบายหาเสียงพรรคให้ความสำาคัญ/มุ่งเน้นการนำาเสนอการแก้ปัญหาสังคม

                  และการปฏิรูประบบการบริหารงบประมาณรวมถึงสถาบัน/องค์กรของรัฐ ประกอบด้วย พรรคเสรีรวมไทย
                  เน้นนโยบาย “หยุดยาเสพติด ขจัดผู้มีอิทธิพล หยุดเผด็จการ และปฏิรูปทหาร หยุดคอรัปชั่น” และพรรคอนาคตใหม่

                  เน้นนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพ ลดนายพล เลิกเกณฑ์ทหาร ซื้ออาวุธโปร่งใส สร้างระบบขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน
                  เพิ่มค่าครองชีพผู้อายุเดือนละ 1,800 บาท อายุ 60 ปีขึ้นไป เงินโอนเข้าบัญชีทันที..”


                          ในด้านผลคะแนนเลือกตั้งทั้ง 5 เขต พรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งได้ ส.ส. มากที่สุด จำานวน 4 เขต
                  ได้คะแนนรวม 132,140 คะแนน มีเพียงเขตเลือกตั้งที่ 3 เขตเดียวที่ได้คะแนนมาเป็นลำาดับ 4 จากจำานวน

                  24 พรรคการเมือง แต่กระนั้นก็ยังคงได้คะแนนเสียงสูงถึง 13,069 คะแนน ขณะที่ภูมิใจไทยชนะการเลือกตั้ง

                  1 เขตในเขตเลือกตั้งที่ 3 ได้รับคะแนนเสียงรวม 5 เขต จำานวน 46,785  คะแนน สำาหรับพรรคประชาธิปัตย์ได้
                  คะแนนรวม 81,302 คะแนน แบ่งออกเป็นคะแนนเสียงที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้ลำาดับ 2 จำานวน 3 เขต และลำาดับ 3
                  จำานวน 2 เขต ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือในทุกเขตเลือกตั้งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนค่อนข้างสูง โดย

                  คะแนนเสียงที่น้อยที่สุดคือเขตเลือกตั้งที่ 1 แต่กระนั้นก็ยังคงได้คะแนนสูงถึง 14,687 คะแนน ผลคะแนนดังกล่าว

                  สะท้อนให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคนั้นมีฐานเสียงสนับสนุนในพื้นที่จำานวนไม่น้อย
                  เช่นเดียวกับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง


                          ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้คะแนนรวม 87,367 คะแนน หากเพียงแต่
                  คะแนนเสียงตามรายเขตเลือกตั้งนั้นไม่เพียงพอที่จะชนะการเลือกตั้ง โดยได้คะแนนลำาดับ 2 จำานวน 2 เขตเลือกตั้ง

                  และได้ลำาดับ 3 จำานวน 3 เขตเลือกตั้ง ที่สำาคัญคือมีคะแนนรวมเป็นลำาดับ 2 ของจำานวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียง

                  เลือกตั้งรวมทั้งจังหวัดรองจากพรรคพลังประชารัฐ สามารถสร้างกระแสการสนับสนุน/ตอบรับจากประชาชนในพื้นที่
   146   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156