Page 145 - kpiebook63006
P. 145

145








                  หาเสียงมากกว่าและเริ่มต้นประกาศตัว ทำากิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนรับรู้ว่าจะลงสมัคร

                  รับเลือกตั้งก่อนผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่นๆ





                          เขตเลือกตั้งที่ 2


                          ผู้ชนะเลือกตั้งคือ ศาสตรา ศรีปาน พรรคพลังประชารัฐ ได้ 36,802 คะแนน อันดับที่ 2 คือ

                  อัครพล ทองพูน พรรคอนาคตใหม่ ได้ 19,040 คะแนน ในขณะที่อดีตส.ส. ในเขตนี้คือ ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ
                  พรรคประชาธิปัตย์ ได้เพียงอันดับที่ 3 ด้วยคะแนน 18,903 คะแนน แตกต่างจากการเลือกตั้งปี 2554

                  เป็นอย่างมากเพราะครั้งนั้นเขาได้คะแนนสูงมากถึง 67,142 คะแนน โดยผู้สมัครจากพรรคคู่แข่ง
                  ที่ได้อันดับที่ 2 ได้คะแนนเพียงหลักพันเท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า คะแนนที่สูงมากของภิรพลมาจากกระแส

                  ความนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก ในขณะที่คะแนนความนิยมที่มีต่อตัวเขามีไม่มากนัก
                  ข้อสรุปนี้คงยืนยันได้จากผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ที่มีกระแส “เบื่อประชาธิปัตย์” และไม่พอใจที่อดีตส.ส.

                  ไม่สามารถเป็นตัวแทนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้ คะแนนของภิรพล จึงเหลือเพียง
                  คะแนนส่วนตัว ในขณะที่คะแนนความนิยมที่มีต่อพรรคไปอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐแทน และบางส่วน

                  น่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ด้วย นอกจากนั้น ยังมีผู้สมัครที่ได้คะแนนหลักหมื่นอีก 1 คน
                  ซึ่งแน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ คือ เจษฎาพงศ์ ชูแก้ว พรรคภูมิใจไทย

                  ที่ได้อันดับที่ 4 ได้ 12,701 คะแนน






                          เขตเลือกตั้งที่ 3


                          ผู้ชนะการเลือกตั้งคือ พยม พรหมเพชร พรรคพลังประชารัฐ ได้ 42,390 คะแนน ส่วนอดีต
                  ส.ส. ในเขตนี้คือ วิรัตน์ กัลยาศิริ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เพียง 22,857 คะแนน นับว่าผู้สมัครพรรคพลัง

                  ประชารัฐมีคะแนนเหนือผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เกือบเท่าตัว แตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับการ
                  เลือกตั้งปี 2554 ที่วิรัตน์ได้คะแนนสูงมากถึง 76,243 คะแนน โดยมีคู่แข่งเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น คู่แข่ง

                  คนสำาคัญมาจากพรรคเพื่อไทยซึ่งได้คะแนนเพียง 6,203 คะแนน


                          การพ่ายแพ้อย่างหนักของวิรัตน์ มาจากหลายปัจจัยทั้งจากการรับรู้ของประชาชนถึงปัญหา
                  การจัดตัวผู้สมัครของพรรคจนกลายเป็นความขัดแย้งภายในพรรค ข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับปัญหา

                  สุขภาพซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนเห็นว่าไม่พร้อมที่จะทำาหน้าที่ได้อย่างเป็นปกติ กระแสของการเบื่อ
                  พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งตัวผู้สมัครและพรรคการเมืองใหม่ ในขณะที่

                  พยม ปัจจัยที่ชนะเลือกตั้งไม่ได้มาจากคะแนนนิยมส่วนบุคคล เพราะคุณสมบัติของเขาไม่มีอะไรโดดเด่น
                  แต่มาจากพรรค นโยบายพรรค โดยเฉพาะความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
   140   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150