Page 49 - b29256_Fulltext
P. 49

110
            พื้นฐานเพิ่มมากขึ้น และนับเป็นการวางรากฐานการแพทย์แบบวิทยาศาสตร์ในสังคมไทยขึ้นอย่างมั่นคง  และต่อเนื่อง
            มาถึงสมัยรัชกาลที่ 7 เพื่อผลิตแพทย์ขึ้นมาดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน


                   อิทธิพลของมูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์ที่มีต่อแพทยศาสตร์ศึกษาของไทย (พ.ศ. 2463-2478)

                   รัฐบาลไทยทราบดีว่าการจะขยายกิจการทางการแพทย์และการสาธารณสุขของชาติให้เจริญก้าวหน้าได้นั้น

            ย่อมต้องอาศัยบุคลาการทางการแพทย์ ซึ่งปรากฏว่าการผลิตบุคลากรทางการแพทย์สมัยใหม่ของไทยนั้นได้รับการ

            พัฒนาขึ้นอย่างจริงจังก็ในช่วงทศวรรษ 2460 โดยความช่วยเหลือของมูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของ

            สหรัฐอเมริกาที่ช่วยเหลือทั้งในด้านของทุนทรัพย์ การส่งนักเรียนแพทย์ไปศึกษาต่างประเทศ แล้วยังมีส่วนสำคัญในการ

            วางรากฐานระบบการแพทย์สมัยใหม่ให้แก่ประเทศไทยอีกด้วย


                   การดำเนินงานของรัฐบาลไทยในการปรับปรุงโรงเรียนแพทย์เป็นผลจากความทุ่มเทของเจ้านายสามพระองค์
            ด้วยกัน คือ กรมขุนชัยนาทนเรนทร สมเด็จเจ้าฟ้ามหิตลาธิเบตอดุลยเดชวิกรม และหม่อมเจ้าพูนศรีเกษม เกษมศรี ซึ่ง

            ได้เจรจาทำความตกลงขอรับการช่วยเหลือจากมูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ให้ช่วยปรับปรุงหลักสูตร

            แพทยศาสตร์ในโรงเรียนแพทย์ของไทยให้ได้มาตรฐานสากลเหมือนที่เป็นอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว คือเป็นการแพทย์

            ที่เน้นการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานเพิ่มมากขึ้น และนับเป็นการวางรากฐานการแพทย์แบบวิทยาศาสตร์ใน

                                 111
            สังคมไทยขึ้นอย่างมั่นคง  เพื่อผลิตแพทย์ระดับปริญญาอันเป็นแพทย์ชั้นสูงเหมือนในประเทศตะวันตกขึ้นมาดูแล
            รักษาสุขภาพของประชาชน

                   ช่วงที่มูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์เข้ามามีความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยนั้น เป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เพิ่งสิ้นสุดลง

            ไม่นาน หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รัฐบาลยินดีที่จะรับ

            ความช่วยเหลือจากองค์กรนี้ในเรื่องของการลงทุนด้านการศึกษาของแพทย์ซึ่งรัฐบาลไทยได้พยายามปรับปรุง “ให้เป็น

            สมัยใหม่” มาตั้งแต่กลางรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 แต่ก็ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนัก ทั้งนี้เนื่องจากแนวคิดของผู้นำไทยใน

            ยุคนั้นเล็งเห็นคุณค่าของการแพทย์สมัยใหม่ว่าสัมพันธ์กับความต้องการเพิ่ม “ความทันสมัย” เพื่อให้สยามสามารถ

            ทัดเทียมกับอารยประเทศ









                   110  ดูรายละเอียดใน Wariya  Siwasariyanon, “The Transfer of Medical Technology from the First World to the
            Third  World  :  A  Case  study  of  the  Rockefeller  Foundation’s  Role  in  a  Thai  Medical  School  (1923-1935),”

            (Unpublished Doctoral Dissertation, University of Hawaii, 1984).
                   111  ดูรายละเอียดใน Wariya  Siwasariyanon, The Transfer of Medical Technology from the First World to the
            Third World : A Case study of the Rockefeller Foundation’s Role in a Thai Medical School (1923-1935), (Unpublished

            Doctoral Dissertation, University of Hawaii. 1984).
                                                            48
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54