Page 82 - b29255_fulltext
P. 82
ภาคผนวก 3
นางสนองพระโอษฐ์และนางพระก านัลในสมัยรัชกาลที่ 7
นางสนองพระโอษฐ์ (lady-in-waiting) หมายถึงสตรีผู้ช่วยส่วนพระองค์ในราชส านัก ซึ่งถวายการรับใช้
แด่สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี เจ้าฟ้าหญิง หรือสตรีสูงศักดิ์ นางสนองพระโอษฐ์มักจะมีพื้น
หลังมากจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคมสูงแต่มีฐานันดรต่ ากว่าสตรีที่ตนรับใช้ ซึ่งแม้ว่านางสนองพระโอษฐ์คนใด
จะรับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม มักจะไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นคนรับใช้หรือข้าราชบริพาร
นางสนองพระโอษฐ์ หมายถึงกลุ่มของสตรีผู้มีฐานะครอบครัว บรรดาศักดิ์ และต าแหน่งหน้าที่ทางการที่
หลากหลาย ซึ่งความแตกต่างกันในฐานะ บรรดาศักดิ์ และต าแหน่งหน้าที่เหล่านี้มักจะมีเกียรติศักดิ์สูง พระบรม
วงศานุวงศ์หญิงหรือสตรีผู้สูงศักดิ์อาจทรงสามารถเลือกนางสนองพระโอษฐ์ได้ด้วยพระองค์เองหรือไม่ก็ได้ แต่แม้ว่า
จะทรงมีสิทธิในการเลือกนางสนองพระโอษฐ์ได้อย่างเสรี หากตามประวัติศาสตร์แล้ว การตัดสินใจดังกล่าวมักจะ
ได้รับอิทธิพลจากองค์พระมหากษัตริย์ พระราชบิดา พระราชมารดา พระราชสวามี หรือเหล่าเสนาบดีของ
พระมหากษัตริย์
การแต่งตั้งนางสนองพระโอษฐ์และนางพระก านัลในสมัยรัชกาลที่ 7 สะท้อนให้เห็นถึงพระราชประสงค์ที่
ทรงจัดระเบียบแบบแผนตามแบบตะวันตก รวมทั้งประกาศวางระเบียบต าแหน่งหน้าที่ให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชา
80
ของท้าวนาง นับเป็นพระราชกุศโลบายให้มีความเชื่อมต่อระหว่างประเพณีเดิมกับประเพณีใหม่
ในสมัยรัชกาลที่ 7 นางสนองพระโอษฐ์เป็นสตรีมีศักดิ์ซึ่งสมรสแล้ว
นางสนองพระโอษฐ์ (Lady in waiting) ในสมัยรัชกาลที่ 7
1. คุณหญิงมโนปกรณ์นิติธาดา (นิตย์ หุตะสิงห์) ธิดาพระยาวิสูตรโกษา (ฟัก สาณะเสน) สมรสกับพระ
ยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์)
2. คุณหญิงเนื่อง บุรีนวราฐ (เนื่อง สิงหเสนี)
3. หม่อมหลวงคลอง (สนิทวงศ์) ไชยยันต์
4. หม่อมพร้อย (บุนนาค) กฤดากร ณ อยุธยา
5. คุณหญิงอภิบาลราชไมตรี (รื่น บุนนาค)
นางพระก านัล(Maid of honour)ในสมัยรัชกาลที่ 7
1. ม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ เทวกุล กราบถวายบังคมลาออกจากต าแหน่งนางพระก านัลเมื่อ 22 มีนาคม พ.ศ.
2471 เมื่อเสกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร
2. หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ กิติยากร
3. นางสาวกอบแก้ว วิเศษกุล (หม่อมกอบแก้ว อาภากร)
4. นางสาววรันดับ บุนนาค
5. นางสาวสดับ บุนนาค
6. นางสาวโพยม ณ นคร
80 หม่อมราชวงศ์พฤทธิสาณ ชุมพล. กุลสตรีศรีสยาม สง่างามทุกกาลสถาน (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า,2560),
หน้า 64.
81