Page 57 - b29255_fulltext
P. 57
พึงปรารถนาและไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง พระบรมราโชวาทและพระราชนิพนธ์ต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจ้าอยู่หัวล้วนแล้วแต่เน้นหน้าที่ต่อชาติโดย มีคุณธรรมและคุณลักษณะแบบไทยเป็นหลักนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าผู้หญิงที่ชาติต้องการจึงเป็นผู้หญิงในสถานะของ "ภรรยา" "มารดา” และผู้หญิงของชาติ ทั้งสิ้น
แม้จะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่เนื้อหาหลักล้วนสืบเนื่องต่อกันมา และผู้หญิงที่สามารถปฏิบัติตัวได้ตามนี้ก็
ดูจะได้รับการยกย่องมาในทุกสมัย กรอบความคิดเช่นนี้ก็ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่แม้ว่าสังคมจะเปลี่ยนไป
มากเพียงใดก็ตาม แต่ความคิดเช่นนี้ก็ได้รับการตอกย้ าอยู่เสมอมา ผู้หญิงไทยจ านวนมากจึงมุ่งหวังที่จะบรรลุ
เป้าหมายดังกล่าวไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม
ในด้านของการประสบความส าเร็จของผู้หญิงในสถานภาพของภรรยาและมารดานั้น ความเป็นแม่บ้านแม่
เรือนที่สามารถจัดการงานภายในบ้านให้เรียบร้อยที่เคยชื่น ชมกันมาในยุคก่อนหน้า ไม่สอดคล้องกับความต้องการ
ของผู้ชายที่จะใช้เลือกผู้หญิงมาเป็นคู่ชีวิตได้ อีกต่อไปในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ออกมาท างาน
นอกบ้าน ด้วยกันทั้งคู่ "ความสวยความงาม" จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยส าคัญที่ผู้หญิงทุกคนพยายามจะ
ไขว่คว้า ไม่ว่าจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆมากมายเพียงใดที่เริ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลาย เท้า ก็ดูจะไม่มีผู้หญิงคนใด
ยอมแพ้กับอุปสรรคดังกล่าว จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เราจะเห็นพวกเธอเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไป ตามที่สมัย
นิยมตลอดเวลา ทั้งนี้เนื่องมาจาก "ต้นทุน" ของชนชั้นกลางรุ่นใหม่ต่างจากกลุ่มชนชั้นสูงในอดีต ที่มีทั้งต้นทุนทาง
สังคม สถานภาพที่ติดตัวมาแต่ก าเนิด และยังรวมไปถึงทรัพย์สินจ านวนมาก แต่ในปัจจุบัน ชนชั้นกลางที่ปราศจาก
มรดก สินทรัพย์ที่ดิน และไม่มีสายตระกูลที่สามารถนับขึ้นไปได้หลายสิบหรือหลายร้อยปี จึงมีแต่ต้นทุนทาง
ร่างกายเท่านั้นที่เป็นแรงดึงดูดส าคัญต่อเพศตรงข้าม
การศึกษาสถานภาพสตรีในวรรณกรรมสมัยรัชกาลที่ 7 โดยการวิเคราะห์จากเอกสารและวรรณกรรม
หลายประเภทแต่เจาะลึกวรรณกรรมประเภท นวนิยาย เรื่องสั้น กวีนิพนธ์และรวมทั้งบทความงานวิจัยท าให้เห็น
ลักษณะเฉพาะหรือแนวคิดร่วมของบทบาททางเพศของตัวละครเอกสตรีที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงในช่วง
เปลี่ยนผ่านได้ชัดเจน
การวิเคราะห์สถานภาพสตรีในวรรณกรรม อย่างรอบด้านโดยตรวจสอบกับเอกสารบันทึกทาง
ประวัติศาสตร์แล้ว จึงอาจจะกล่าวได้ว่า นิตยสารผู้หญิงฉบับแรกยุคบุกเบิกที่แท้จริงแล้วเกิดในปลายรัชสมัยพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 คือ กุลสัตรีออกตีพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. 2449 แม้ว่าผู้จัดท านิตยสารจะเป็นผู้ชาย
รวมอยู่ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก็มีผู้จัดท าล้วนมีผู้หญิงเป็นเจ้าของและบรรณาธิการิณี เช่น สตรี
ศัพท์ พ.ศ. 2465 มีนางสาวผะอบ พงศ์ศรีจันทร์ สตรีไทย พ.ศ. 2469 มีนางสาว แฉล้ม จิระสุข นารีเขษม พ.ศ.
2469 มีหม่อมหลวงศิริสวาสดิ์ ชุมสาย และสยามยุพดื พ.ศ. 2471 มีนางสาวตังกุ่ย หลิมมงคล เป็นเจ้าของและ
บรรณาธิการิณี นิตยสารเหล่านี้มีสถานะเป็นนิตยสารเพื่อผู้หญิงและผู้หญิงเป็นผู้จัดท าขึ้น และมีเนื้อหาความรู้
เฉพาะสตรี เช่น บทบาทหน้าที่ของสตรีในการดูแลครอบครัว ปัญหาความรักของสตรีและปัญหาเรื่องสิทธิและ
ความไม่เท่าเทียมที่สตรีต้องประสบในชีวิต
งานเขียนที่มีลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นใหม่สมัยรัชกาลที่ 7 คือนวนิยายเชิงสัจนิยม มีเนื้อหาเป็นเรื่องแต่งขึ้น
ให้เสมือนเรื่องจริง มีแนวเรื่องสะท้อนความอยุติธรรมต่างๆในสังคมออกมาในรูปของตัวอักษร โดยความจริงแล้วจะ
56