Page 23 - 22385_Fulltext
P. 23
ข้อมูลเบื้องต้น
เกี่ยวกับ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยกฎหมายกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการ
พระราชบัญญัติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ต่อไปในรายงาน
ความเท่าเทียม ฉบับนี้จะใช้คำว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ) เป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย
ระหว่างเพศ ฉบับนี้ ทั้งมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งออกระเบียบหรือ
พ.ศ. 2558 ประกาศ โดยมีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (ต่อไปในรายงาน
ฉบับนี้จะใช้คำว่า กรมกิจการสตรีฯ) เป็นหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย
กล่าวได้ว่า พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ เป็นเครื่องมือทางกฎหมาย
ชิ้นแรกของประเทศไทยที่ว่าด้วยการสร้างมาตรการและกลไกเพื่อคุ้มครอง
ผู้ถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอันมีสาเหตุมาจากเรื่องทางเพศ ยังผลให้
2 ประชาชน นักวิชาการ และหน่วยงานภาคประชาสังคมเฝ้าติดตาม
กฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอด นับตั้งแต่กระบวนการยกร่างกฎหมาย
ถ้อยคำและหลักการที่ถูกบรรจุอยู่ในกฎหมาย กลไกหรือมาตรการ
ที่จะออกมาเพื่อทำให้กฎหมายสามารถบรรลุเจตนารมณ์ได้ จนถึง
ประสิทธิภาพของการบังคับใช้ ซึ่งหากนับจากเดือนกันยายน พ.ศ. 2558
จนถึงปัจจุบัน พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ ก็มีผลบังคับใช้มานานกว่า 5 ปีแล้ว
จึงสมควรแก่เวลาที่จะได้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ว่าการมีอยู่และ
1. เหตุแห่งการประเมินผลสัมฤทธิ์
การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ให้ผลสมเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนดไว้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียม หรือไม่ อย่างไร ได้สร้างประโยชน์ และผลกระทบอย่างหนึ่งอย่างใด ต่อทั้ง
ระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 (ต่อไปในรายงาน ประชาชนและหน่วยงานผู้บังคับใช้หรือไม่ และที่สำคัญกฎหมายฉบับนี้
ฉบับนี้จะใช้คำว่า พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ) ยังมีความจำเป็นอยู่อีกหรือไม่ เมื่อสถานการณ์และบริบทต่าง ๆ ในสังคมไทย
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนที่ 18 ก เปลี่ยนแปลงไปแล้วหากเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งก่อนมีบังคับใช้ และถ้ายัง
หน้า 17 วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2558 โดยกำหนด จำเป็นอยู่ ควรพิจารณาทบทวนแก้ไขปรับปรุงเพื่ออุดช่องว่างที่อาจเกิดขึ้น
ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่ หรือเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยหรือไม่ และอย่างไร
วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงเริ่มมีผลใช้บังคับ
8 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า