Page 21 - 22385_Fulltext
P. 21
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
3. ขอบเขตและวิธีการศึกษา 3.3 รวบรวมและศึกษาสถิติข้อร้องเรียน และผลการแก้ไขปัญหา
อันเป็นผลมาจากการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์
3.1 ศึกษาและจัดระบบข้อมูลจากเอกสาร (Documentary
Research) โดยค้นคว้าจากตำราวิชาการ รายงานวิจัย เอกสารประกอบและ แนวทางและวิธีการทำงาน รวมทั้งอุปสรรคปัญหาที่พบจากกระบวนการ
บทสรุปการสัมมนา รายงานการประชุม สถิติข้อร้องเรียน รวมทั้งบทความ รับเรื่องร้องเรียน และการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนดังกล่าว
วิชาการที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศฯ และประกาศ 4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ฉบับต่าง ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งในภาษาไทย
และภาษาต่างประเทศ รายงานประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติความเท่าเทียมทางเพศ
พ.ศ. 2558 ซึ่งอาศัยแนวทาง หัวข้อ และประเด็นการประเมินตามที่กำหนด
3.2 ในการศึกษาและประเมินผลสัมฤทธิ์ของ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ ไว้ในพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ในการจัดทำร่างกฎหมายและการประเมิน
ครั้งนี้ นอกเหนือจากการศึกษาเอกสารและงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ แล้ว ผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562
ยังศึกษาด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เพื่อนำความเห็น
และมุมมองของผู้มีประสบการณ์มาประกอบข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ
ด้วย ซึ่งได้ทำการสัมภาษณ์บุคคลทั้งสิ้น 28 คน โดยแบ่งแยกแนวคำถาม
ออกเป็น 4 ชุด สำหรับบุคคล 4 กลุ่มด้วยกัน
“
๏ กลุ่มผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งมีทั้งในระดับของคณะกรรมการ สำหรับประชาชนและรัฐ
ตามกฎหมายฉบับนี้ และระดับของผู้ปฏิบัติการตามกฎหมาย ที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว
ผู้ศึกษาก็เห็นว่ายังเป็นเรื่องคุ้มค่าอยู่ดี
๏ กลุ่มนักวิชาการด้านกฎหมาย หรือสิทธิมนุษยชนและ
ความเท่าเทียม และการมีอยู่และบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
๏ กลุ่มผู้ทำงานภาคประชาสังคม นักกิจกรรม หรือนักเคลื่อนไหว
ด้านสิทธิและความเท่าเทียม และ ”
๏ กลุ่มผู้ได้รับความเสียหาย และเคยร้องเรียนมาตามกลไกของ
กฎหมายฉบับนี้
สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า