Page 161 - 22385_Fulltext
P. 161

การศึกษาการบังคับใช้                                                                การศึกษาการบังคับใช้
                     พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย      พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



                 และปรับใช้กฎหมาย แสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งทำคำวินิจฉัยที่ต้องอธิบาย                   การที่รัฐไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างสำคัญในประเด็น
                 เหตุผลทางกฎหมายประกอบ การมีนิติกรหรือนักกฎหมายคอยช่วยเหลือในส่วนนี้                   ความเสมอภาคระหว่างเพศให้เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ แม้จะมีการบังคับใช้
                 จึงน่าจะทำให้การพิจารณาเรื่องร้องเรียนและการทำคำวินิจฉัยถูกต้อง                       พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ มากว่าห้าปีแล้วก็คือ ขาดการทำงานเชิงรุกของฝ่าย
                 ตามกฎหมาย มีความรอบคอบ และรวดเร็วยิ่งขึ้น อนึ่ง เนื่องจาก พ.ร.บ.                      ผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหมายถึงปัญหาในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของ

                 ความเท่าเทียมฯ เป็นกฎหมายที่มีประเด็นเฉพาะและต้องการความรู้                           คณะกรรมการ สทพ. คณะกรรมการ วลพ. กองทุนฯ และคณะกรรมการ
                 ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสมอภาค และมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประเด็นบทบาท                 บริการกองทุนฯ รวมทั้งกรมกิจการสตรีฯ และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

                 ความสัมพันธ์หญิงชาย (Gender) และความหลากหลายทางเพศ ดังนั้น                            สาเหตุอาจมีที่มาตั้งแต่ตัวบทบัญญัติในกฎหมายเอง อำนาจหน้าที่ตามที่
                 พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน แม้จะเป็นตำแหน่งนิติกรหรือนักกฎหมายก็ตาม                   กำหนดในกฎหมาย โครงสร้างองค์กร ระบบการทำงาน งบประมาณ รวมทั้ง
                 จึงควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย มิใช่มีแค่เพียงความรู้ในสาย             ทัศนคติของคนทำงาน การทำงานแต่ในเชิงรับเช่นนี้ ย่อมทำให้รัฐไม่มีข้อมูล
                 ที่ตนจบมาหรือทางด้านกฎหมายเท่านั้น และหน่วยงานควรให้ความสำคัญกับ                      เพียงพอในการประเมินว่าปัญหาถูกแก้ไขจริงหรือไม่ ทั้งไม่สามารถทำให้

                 การสร้างความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อทำให้การใช้การตีความ                 สังคมส่วนใหญ่ตระหนักรู้ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนแนวคิดได้ในวงกว้าง
                 กฎหมายอยู่บนฐานความเข้าใจที่ครบถ้วนรอบด้าน ทั้งเป็นไปตามเจตนารมณ์                     อนึ่ง นอกจากการทำงานเชิงรุกแล้ว ควรมีการติดตามผลการปฏิบัติการต่าง ๆ
                 ของกฎหมายให้มากที่สุด                                                                 ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ ผู้ศึกษามุ่งหมายถึงการติดตามสถานการณ์

                                                                                                       ในมิติต่าง ๆ ของผู้ร้องภายหลังคณะกรรมการ วลพ. วินิจฉัยแล้วว่า
                         นอกจากนี้ ควรมีการจัดทำคู่มือเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดี
                 ต่อไปสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้เป็นนักกฎหมายด้วย เพื่อใช้เป็น                  มีการเลือกปฏิบัติจริงตามคำร้อง เช่น สามารถกลับเข้าทำงานในองค์กรได้

                 แนวทาง หรือข้อปฏิบัติเมื่อเกิดกรณีมีบุคคลหรือองค์กรฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม                หรือไม่ หรือแม้ทำงานได้แต่มีเหตุการณ์ละเมิดสิทธิในลักษณะอื่นทั้งทางตรง
                 คำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. ซึ่งจำเป็นต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป                    หรือทางอ้อม อันน่าจะเป็นผลข้างเคียงมาจากการร้องเรียนนั้นหรือไม่
                 ตามมาตรา 20 หรือ 22 ประกอบกับมาตรา 34 ถึง 36 รวมทั้งการต้อง                           อย่างไร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อประเมินว่ากลไกที่กฎหมายฉบับนี้สร้างขึ้นสามารถ
                 ดำเนินกระบวนการตามกฎหมายโดยเชื่อมโยงกับองค์กรหรือหน่วยงานอื่น                         ช่วยให้เกิดความเสมอภาคระหว่างเพศ หรือระงับการเลือกปฏิบัติได้อย่าง

                 อย่างการยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา 21 เป็นต้น                             แท้จริงหรือไม่ ผู้ศึกษาเห็นว่า แม้ในทางปฏิบัติ กรมกิจการสตรีฯ โดย
                                                                                                       กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
                   6.3  เพิ่มการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น                                                 ในการสร้างสรรค์นโยบายหรือวางยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการทำงานเชิงรุกแล้ว

                         ทั้งนี้ ด้วยการแก้ไขกฎหมายหรืออนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้เปิดช่อง              ก็ตาม แต่ตราบใดที่ปัญหาในเรื่องงบประมาณก็ดี ในเรื่องอัตรากำลังพนักงาน

                 มากขึ้น และด้วยการกำหนดนโยบายและแผนการปฏิบัติงาน ปัญหานี้ผู้ศึกษา                     เจ้าหน้าที่ในข้อ 6.2 ก็ดี ยังไม่ได้รับการแก้ไข การทำงานเชิงรุกที่คิดไว้ก็คง
                 ได้รับการสะท้อนให้เห็นจากกลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ทุกกลุ่มว่า สาเหตุหนึ่งของ                ยากยิ่งที่จะเกิดขึ้นได้



                   สถาบันพระปกเกล้า                                                                                                                  สถาบันพระปกเกล้า
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166