Page 21 - kpi20271
P. 21
บทสรุปผู้บริหาร
5.2) การรับรู้ข่าวสารกระบวนการพูดคุย
โดยเปรียบเทียบแล้ว ผู้น�าความคิดจะทราบข่าวและสนใจติดตามกระบวนการพูดคุยมากกว่า
ประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะในส่วนของประชาชนทั่วไปนั้น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ทราบข่าว
(ร้อยละ 57.1) และอีกร้อยละ 38 นั้นไม่เคยได้ยินข่าว ส�าหรับความสนใจในการติดตามข่าวนั้นมีสัดส่วนใกล้เคียง
กันระหว่างกลุ่มที่ติดตามบ้างและติดตามอย่างใกล้ชิด (ร้อยละ 40.9) กับที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวหรือไม่ได้ติดตาม
เลย (ร้อยละ 53.3) สาเหตุส่วนหนึ่งที่ประชาชนทั่วไปมีการรับรู้ข่าวสารที่ค่อนข้างจ�ากัด อาจจะเป็นเพราะ
แนวทางการพูดคุยที่ยังไม่มีการสื่อสารต่อสาธารณะมากนัก หรือการสื่อสารถูกจ�ากัดเฉพาะกลุ่ม
แต่ส�าหรับกลุ่มผู้น�าความคิดแล้ว มีจ�านวนมาก (ร้อยละ 80.4) ที่ทราบข่าวว่ามีการพูดคุยกันระหว่าง
รัฐบาลกับขบวนการ และให้ความสนใจติดตาม (ร้อยละ 63.4)
5.3) การสนับสนุนกระบวนการพูดคุย
ไม่ว่าจะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยมากน้อยเพียงใดก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่
สนับสนุนที่จะใช้การพูดคุยเจรจาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา (ร้อยละ 56.9) ในส่วนของผู้น�าความ
คิดก็ให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน (ร้อยละ 72.7)
อย่างไรก็ตาม ผลการส�ารวจสะท้อนว่ามีกลุ่มคนที่ไม่แน่ใจว่าการพูดคุยเจรจาจะเป็นแนวทางแก้ปัญหา
ได้หรือไม่อยู่จ�านวนหนึ่งด้วย (ร้อยละ 27.5 ในส่วนประชาชนทั่วไป และร้อยละ 17.6 ในส่วนผู้น�าความคิด) ซึ่ง
คนกลุ่มนี้อาจจะก�าลังรอดูท่าทีของทั้งสองฝ่ายในการพูดคุยว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ก่อนที่จะตัดสินใจว่าสนับสนุน
หรือไม่ก็เป็นได้
5.5) ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการพูดคุยที่ก�าลังด�าเนินการอยู่
ค�าถามในประเด็นความรู้สึกเชื่อมั่นต่อกระบวนการพูดคุยที่ก�าลังด�าเนินการอยู่ในขณะนี้ ว่าจะสามารถ
แก้ไขปัญหาได้ส�าเร็จนั้น พบว่าประชาชนทั่วไปประมาณ 1 ใน 3 ที่รู้สึก “เฉยๆ” (ร้อยละ 36.3) และหาก
เปรียบเทียบความ “เชื่อมั่น” กับ “ไม่เชื่อมั่น” พบว่ามีสัดส่วนความเชื่อมั่นสูงกว่า (ร้อยละ 26.5 และ 19.4
ตามล�าดับ) ในขณะที่ผู้น�าความคิดส่วนใหญ่ร้อยละ 39.3 รู้สึกเชื่อมั่น
5.6) ข้อกังวลต่อกระบวนการพูดคุย
ข้อกังวลต่อกระบวนการพูดคุยในมุมมองของประชาชนทั่วไปและกลุ่มผู้น�าความคิดมีความสอดคล้อง
กันว่า การพูดคุยจะไม่สามารถหยุดความรุนแรงได้จริง (ร้อยละ 65.1) และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ท�าตามที่
ตกลงกัน (ร้อยละ 61.9) รวมถึงจะมีฝ่ายที่ไม่รับฟังความต้องการของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง (ร้อยละ 55.8)
และประเด็นที่ผู้น�าความคิดกังวลมากอีกข้อคือ การพูดคุยจะน�าไปสู่สถานการณ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิม (ร้อยละ
66.9)
5.7) ความหวังว่าจะเกิดข้อตกลงสันติภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า
แม้ประชาชนทั่วไปและผู้น�าความคิดจะมีข้อกังวลและความรู้สึกไม่เชื่อมั่นอยู่บ้าง แต่ทั้งสอง
กลุ่มยังมีความหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพกันได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า
(ร้อยละ 52.1 และ 61.1 ตามล�าดับ) อย่างไรก็ตามก็มีผู้ที่รู้สึกไม่มีความหวังอยู่ด้วยจ�านวนหนึ่งเช่นกัน (ร้อยละ
28.9 ในส่วนประชาชนทั่วไป และร้อยละ 23.3 ในส่วนผู้น�าความคิด)
20