Page 25 - kpi20271
P. 25
1. บทน�า
1.1 ความเป็นมา
กระบวนการพูดคุยสันติสุขระหว่างคณะพูดคุยสันติสุขของรัฐบาลกับกลุ่มผู้มีความเห็นแตกต่างจากรัฐที่
รัฐบาลได้ด�าเนินการมาโดยถือเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
ถือเป็นมิติใหม่ของการแก้ไขปัญหาที่มุ่งใช้สันติวิธีอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งอยู่บนฐานคิดที่จะท�าความเข้าใจถึง
มุมมองและความต้องการของกันและกันเพื่อปูทางสู่การแสวงหาทางออกที่พอยอมรับกันได้ ซึ่งการที่กระบวนการ
พูดคุยจะสามารถด�าเนินไปจนน�าไปสู่ทางออกดังกล่าวได้นั้น นอกเหนือจากการท�างานร่วมกันของคู่ขัดแย้ง
หลักแล้ว ผู้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายังจ�าเป็นที่จะต้องรับฟังเสียงของประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่เป็นส�าคัญ
ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งความส�าเร็จที่จะท�าให้ “กระบวนการ” และ “สาระส�าคัญ” ที่ตกลงกันมีความชอบธรรมและ
ยั่งยืน
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้ ทั้งรัฐบาลและกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ รวม
ถึงองค์กรภาคประชาสังคม ต่างก็ท�างานเพื่อสะท้อนเสียงของประชาชน โดยยึดถือความต้องการของประชาชน
เป็นหลักในการขับเคลื่อนสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ค�าถามส�าคัญที่ตามมาคือ แท้จริงแล้ว ประชาชน
ที่ถูกกล่าวถึงนั้น คิดอย่างไรต่อกระบวนการสันติภาพที่เกิดขึ้น ด้วยความเชื่ออย่างแน่วแน่เช่นเดียวกับรัฐบาล
และองค์กรประชาสังคมต่างๆ ว่า เสียงของประชาชนจะเป็นปัจจัยที่ก�าหนดว่ากระบวนการสันติภาพจะด�าเนิน
ไปในทิศทางใด มีความต่อเนื่องหรือไม่ และข้อตกลงที่จะได้จะมีความยั่งยืนหรือไม่อย่างไร
สถาบันพระปกเกล้าโดยส�านักสันติวิธีและธรรมาภิบาล ร่วมกับ มูลนิธิเอเชีย สถานวิจัยความขัดแย้ง
และความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ คณะวิทยาการสื่อสาร สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยฟาฏอนี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สถาบันอิสลามและอาหรับศึกษา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ คณะวิทยาการ
จัดการ สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และศูนย์ความเป็นเลิศด้าน
คณิตศาสตร์ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ส�านักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรสันติภาพ จึงได้มีแนวคิดที่จะส�ารวจความ
คิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้
กระบวนการสันติภาพด�าเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อันเป็นการใช้ข้อมูลความรู้มิใช่อารมณ์ความรู้สึกเป็นฐานในการแก้ไขปัญหา
อย่างแท้จริง ทั้งนี้ทั้งนั้น การส�ารวจครั้งนี้จ�าเป็นต้องอาศัยการท�างานร่วมกันในรูปของเครือข่ายที่ครอบคลุมกลุ่ม
ผู้มีส่วนได้เสียทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชนทุกกลุ่มวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่ายและสามารถ
24