Page 204 - kpi19910
P. 204
194
ข้อมูลที่ชาวบ้านได้รับมาจากหลากหลายบุคคล กลุ่มบุคคล ยิ่งสร้างความไม่เข้าใจ ท าให้เกิดการ
แตกแยกในชุมชน ดังนั้น ภาครัฐควรด าเนินการสื่อสารข้อมูลโครงการภาครัฐก่อนที่โครงการจะลงไปสู่
พื้นที่ ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการท าความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนจากหน่วยงานที่มีบทบาทโดยตรงใน
โครงการนั้น ๆ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน และสามารถสร้างความ
เชื่อมั่นให้กับชาวบ้านในการตัดสินใจต่อโครงการนั้น ๆ ได้จริง
3.3 จากการศึกษาพบว่า บุคคลที่มีผลต่อชาวบ้านในพื้นที่ คือ NGOs ซึ่งบุคคลเหล่านี้โดย
ส่วนใหญ่จะพบว่ามีบทบาทในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านอ านาจรัฐ รัฐขาดการให้ความรู้กับชาวบ้าน
อย่างถูกต้อง บุคคลเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่หลากหลาย มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง ดังนั้น ซื่อ
คนเหล่านี้เมื่อเป็นข่าวในการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง เป็นที่รู้จักของชุมชนจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ
ชุมชน ข้อมูลที่บุคคลเหล่านี้สื่อสารกับชาวบ้านจึงได้รับความไว้วางใจ เชื่อถือ ให้เข้ามามีบทบาทรวมถึง
เป็นแกนน ากลุ่มในหลายพื้นที่ ซึ่งภาครัฐควรได้มีการศึกษาให้ข้อมูลคนเหล่านี้เพื่อสร้างกระบอกเสียง
การสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องไปยังชาวบ้าน
3.4 จากการศึกษาพบว่า โครงการตามแนวนโยบายภาครัฐเป็นโครงการที่ละเมิดสิทธิชุมชน
ขอประชาชนในพื้นที่ จนต้องมีการร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การร้องเรียนต่อ
องค์การสหประชาชาติซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อจังหวัด และประเทศไทยได้ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่
ต่าง ๆ เป็นพลเมืองของประเทศต้องมีสิทธิในการอยู่อาศัย สวัสดิการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก าหนด
เหมือนกัน ดังนั้น ภาครัฐต้องมีการวางแผนการด าเนินงานที่รัดกุม และต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่เปราะบาง
ต่อความรู้สึก การด ารงชีวิตที่ชาวบ้านอาจต้องเปลี่ยนไปจากเดิมที่อยู่อาศัยมาเป็นร้อยปี
3.5 จากผลการศึกษาพบว่า โครงการตามแนวนโยบายภาครัฐเกิดขึ้นเหมือนกันในพื้นที่
ใกล้เคียง และจังหวัดอื่น ๆ และถูกคัดค้านอย่างหนักเหมือนกัน ดังนั้น ภาครัฐควรมีการวิเคราะห์พื้นที่
อื่น ๆ ที่จะด าเนินโครงการที่เหมือนกันควบคู่กัน เพื่อให้เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถอธิบายต่อคน
ในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน เมื่อข้อมูลชัดเจนทั้งผลดี-ผลเสีย พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ที่ให้เหมาะสมที่สุด
ในการด าเนินโครงการแล้ว เชื่อว่าจะช่วยไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐและชาวบ้านในพื้นที่ได้ใน
ที่สุด