Page 263 - kpi19909
P. 263
257
2.3) ภาครัฐควรทําหน้าที่ในการเป็นคนกลาง (Mediator) ในการจัดเวที เพื่อให้ทั้งสอง
ฝ่ายได้เจรจาพูดคุยถึงประเด็นปัญหาและความต้องการของทั้งสองฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจ และ
หาทางออกร่วมกันของคู่กรณี
2.4) ก่อนการดําเนินโครงการควรมีการศึกษาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชุมชนในทุก
มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และ
ผลกระทบทางสุขภาพ
2.5) เมื่อสิ้นสุดโครงการ ควรมีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลถึงผลจาก
โครงการ ความพึงพอใจของโครงการ รวมถึง ความพึงพอใจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโครงการ
ตามความรู้สึก ความคิดเห็นของคนในชุมชนผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงจากการพัฒนานั้นๆ ทั้งนี้ อาจ
ดําเนินการผ่านการตั้งคณะกรรมการร่วม ที่มีสัดส่วนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าเป็น
คณะกรรมการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
2.6) ควรใช้กลไก “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเรื่องยุติธรรมชุมชน
และแก้ไขข้อพิพาทเบื้องต้นในพื้นที่ ทั้งนี้ ควรมีการพัฒนาศักยภาพของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรม
ชุมชนประกอบด้วยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ
แนวนโยบายยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ของรัฐบาลในภาพรวมต่อไป
3) ข้อเสนอแนะเชิงวิจัย
3.1) ควรมีการศึกษาเชิงลึกถึงรูปแบบที่ประสบความสําเร็จในการบริหารความขัดแย้ง
(Best Practices) ตามแนวทางสันติวิธีของหมู่บ้าน และชุมชนที่ประสบปัญหาความขัดแย้งจาก
โครงการพัฒนาของรัฐ เพื่อถอดบทเรียน และองค์ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ทําให้ประสบความสําเร็จ
เพื่อขยายผลสู่หมู่บ้าน/ชุมชนอื่นๆ ต่อไป
3.2) ควรมีกี่ประเมินผลศักยภาพ และการศึกษาสภาพปัญหา และอุปสรรคในการ
ดําเนินงานของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อขยายผลใน
การใช้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนแนวนโยบายในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
โดยสันติวิธีจากรัฐบาลสู่พื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนที่เข้มแข็ง และเป็นรูปธรรมต่อไป