Page 295 - kpi19903
P. 295
260
3. เขตเลือกตั้งที่มีผู้ประกอบอาชีพสายวิชาชีพต่าง ๆ (Professionals) และพนักงานบริการ พนักงาน
ขาย ซึ่งเป็น White collar workers หรือคนท างานวิชาชีพมีความรู้การศึกษาสูงจะมีแนวโน้มที่จะไม่เลือก
ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
4. ตัวแบบมีความแม่นย าร้อยละ 81 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง และค่าสหสัมพันธ์เชิงพื้นที่มีค่าปานกลาง
ค่อนข้างสูง (lambda = 0.41)
ตำรำงที่ 16.2 Spatial error regression model ท านายผลการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทยแบบแบ่งเขต
b β SE z-test p-value
ค่าคงที่ 18.20 .00 3.93 4.63 .00
ร้อยละของผู้ที่เลือกผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งปี 2548 0.47 .45 0.06 7.67 .00
ร้อยละของผู้ที่เลือกพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งปี 2550 8.04 .41 1.20 6.71 .00
ร้อยละของผู้ประกอบวิชาชีพด้านต่าง ๆ (Professionals) -0.50 -.06 0.21 -2.33 .02
ร้อยละของพนักงานบริการ และพนักงานขายในร้านค้าและตลาด -0.40 -.10 0.10 -4.00 .00
ภาคเหนือ 5.87 .09 2.46 2.39 .02
LAMBDA 0.41 .41 0.06 6.33 .00
2
R = .81, -2LL = -1,339.56, AIC = 2,691.12, BIC = 2,714.68
16.2.2 ตัวแบบเชิงพื้นที่ท้านายผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของพรรคประชาธิปัตย์
ผลการสร้างตัวแบบพยากรณ์ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง ส.ส.
ปี 2554 ดังแสดงในตารางที่ 16.3 พบว่า
1. เขตเลือกตั้งที่เลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี 2548 และปี 2550 ยังคงเลือก
พรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าฐานเสียงในอดีตยังท านายผลการเลือกตั้งได้ดี
2. สัมประสิทธิ์ความไม่เท่าเทียม (Gini coefficient) ของรายได้มีความสัมพันธ์ทางบวกต่อการเลือก
ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เขตเลือกตั้งใดที่มีความเหลื่อมล้ าเรื่องรายได้ของคนรวยคน
จนสูงซึ่งมักได้แก่พื้นที่เขตเมืองมีแนวโน้มที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนเสียงเลือกตั้ง
3. เขตเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์เลย และน่าสนใจมากว่าเขต
เลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ไม่สามารถเป็นตัวแปรที่เข้าไปในตัวแบบเชิงพื้นที่ท านายผลการเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทยได้ด้วย (มีภาคเหนือที่เป็นตัวแปรพยากรณ์ที่มีนัยส าคัญส าหรับพรรคเพื่อไทย) แต่ที่ชัดเจนมาก
คือคนอีสานไม่ให้คะแนนเสียงเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจนมากกว่าที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย ความ
เป็นภูมิภาคนิยมในการเลือกตั้งนี้มีลักษณะของการแบ่งขั้วทางการเมือง (Political polarization) ในทางที่ไม่
ชอบชัดเจนยิ่งกว่าความชอบเสียอีก ซึ่งเป็นผลการวิเคราะห์ที่น่าสนใจและมีนัยส าคัญทางการเมืองส าหรับทั้ง
พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง