Page 292 - kpi19903
P. 292
257
การศึกษาต่ ากว่า อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมดี จะมีการตัดสินใจทางการเมืองที่มี
เหตุผลมากกว่าและออกไปลงคะแนนด้วยจิตส านึกทางการเมืองที่สูงกว่า (สติธร ธนานิธิโชติ, 2550b) ผล
การศึกษาการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2554 พบว่าประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยจะมีการศึกษาที่น้อยกว่า (ถวิลวดี
บุรีกุล, 2554) ทั้งผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบุกเบิกและค่าสถิติเชิงบรรยายในหัวข้อนี้ได้น าเสนอไปแล้วใน บทที่
10 ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจกับผลการเลือกตั้ง: การวิเคราะห์ระดับเขตเลือกตั้ง ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยรายได้
และค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายสัมพันธ์ทางบวกกับร้อยละที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และค่าเฉลี่ยรายได้และค่าเฉลี่ย
รายจ่ายสูงมีแนวโน้มที่จะพบบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และการไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งสูง (No Vote)
สูงแต่มีแนวโน้มที่จะมีร้อยละของบัตรเสียต่ า เป็นต้น
กลุ่มที่ห้าคือตัวแปรด้านประชากร อันได้แก่ ร้อยละของเพศ อายุเฉลี่ย ร้อยละของศาสนาที่นับถือเป็น
ต้น ปัจจัยประชากรจึงถูกน ามาศึกษาถึงพฤติกรรมการเลือกตั้งในงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นที่ผ่านมา (André Blais,
2000; A. Campbell et al., 1960; A Gelman, 2010; Rosenstone, 1982; Teixeira, 2011; Wolfinger &
Rosenstone, 1980) ในสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี มีแนวโน้มที่จะเลือกพรรค
เดโมแคตรในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ขึ้นไปจะเลือกพรรครีพับลิกัน (A Gelman, 2010) ส่วนในประเทศ
ไทยกลับพบว่าผู้ที่มีอายุมากกว่าจะมีการไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าผู้มีอายุน้อย (Thananithichot, 2011)
และยังพบว่าระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเพศหญิงอยู่ในระดับที่ต่ ากว่าเพศชาย และผู้หญิงใน
กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ รอบในมีความพอใจในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่น้อยกว่าผู้หญิงที่อยู่ใน
ต่างจังหวัดทั้งเขตเทศบาล และชนบท (ถวิลวดี บุรีกุล, 2544) ในประเทศไทยยังมีความเชื่อว่ามุสลิมจะเลือก
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบุกเบิกและค่าสถิติเชิงบรรยายในหัวข้อนี้ได้น าเสนอไปแล้วใน
บทที่ 12 ปัจจัยทางประชากรกับผลการเลือกตั้ง: การวิเคราะห์ระดับเขตเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด
โดยเฉพาะเมื่อวิเคราะห์เฉพาะในเขตเลือกตั้งภาคใต้
เนื่องจากมีตัวแปรจ านวนมากและมีความสัมพันธ์กันเองสูงมาก หากน าเข้าตัวแปรทั้งหมดพร้อมกันจะ
ท าให้เกิดปัญหา multicollinearity การคัดเลือกตัวแปรเข้าตัวแบบนั้นท าโดย 1. เลือกตัวแปรที่มีค่า partial
correlation สูงสุดเข้าไปในตัวแบบก่อน 2. เมื่อตัวแปรเข้าไปในตัวแบบต้องเป็นตัวแปรที่มีนัยส าคัญทางสถิติ
หากไม่มีนัยส าคัญทางสถิติจะน าออกไปแล้วพิจารณาจากค่า partial correlation อีกรอบ 3. เมื่อน าตัวแปร
เข้าไปต้องท าให้ความแม่นย าในการพยากรณ์เพิ่มขึ้น และ 4. เลือกตัวแบบที่มีความแม่นย าสูงสุดและเลือกตัว
แบบที่มีความกลมกลืนกับข้อมูลสูงสุดและมีจ านวนตัวแปรพยากรณ์น้อยที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่ใกล้เคียงกับการ
คัดเลือกตัวแปรด้วยวิธี Stepwise regression
ในการพัฒนาได้ใช้ตัวแบบสามตัวด้วยกันคือ วิธีก าลังสองน้อยที่สุด )Ordinary Least Square :
OLS) ซึ่งเป็นตัวแบบที่ไม่พิจารณาความสัมพันธ์เชิงพื้นที่และคาดว่าจะไม่แม่นย า ส่วนตัวแบบวิเคราะห์ถดถอย
เชิงพื้นที่ใช้ Spatial Lag Model และ Spatial Error Model เมื่อทดสอบแล้วจะใช้เกณฑ์การพิจารณา
2
ค่าสถิติที่ได้ 3 ค่าซึ่งเป็นเกณฑ์การคัดเลือกตัวแบบส าหรับการศึกษาครั้งนี้ คือ R , เกณฑ์การคัดเลือกตัวแบบ
โดยข้อสนเทศของอาคะอิเคะ )Akaike's Information Criterion : AIC) และ เกณฑ์การคัดเลือกตัวแบบโดย