Page 6 - kpi19845
P. 6
บทสรุปผู้บริหาร
การศึกษาเรื่อง “บทบาทของผู้หญิงกับการจัดการความขัดแย้ง ในประเทศไทย” มุ่งวิเคราะห์ บทบาท
ของผู้หญิงในประเทศไทยที่มีต่อกระบวนการลดความขัดแย้งในประเด็นต่าง ๆ เช่น การศึกษาบทบาทของ
ผู้หญิงต่อกระบวนการยุติความรุนแรงและการศึกแนวทางการการแก้ไขปัญหาของผู้หญิง ใน 4 มิติ หลัก คือ
มิติการเมือง มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม และมิติสังคม เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ปัจจัยส าคัญและอุปสรรค
ส าคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนบทบาทผู้หญิงต่อการลดความขัดแย้งของปัญหาต่างๆ ในสังคม และอัตลักษณ์
ของการแก้ไขปัญหาในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย
การศึกษาครั้งนี้เป็นงานวิจัยแบบผสมผสาน ( Mix –Method ) คือการศึกษาทั้งในเชิงปริมาณและ
คุณภาพ โดยข้อมูลที่ค้นพบจะเห็นถึงบทบาทของผู้หญิงในประเทศไทยต่อการจัดการความขัดแย้งและวิธีการ
สร้างความตระหนักรู้และน าเสนอรูปแบบข้อเสนอเชิงนโยบายต่อภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ลักษณะของ
ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการก่อรูปทางความคิดและการด าเนินงานของกลุ่ม
องค์กร และเครือข่ายสันติภาพของผู้หญิงในสถานการณ์ความรุนแรงในมิติต่างๆ
ในปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทและพลังในการขับเคลื่อนในประเด็นต่างๆ เช่นการขับเคลื่อนทางการเมือง
การขับเคลื่อนกระบวนการนโยบายสาธารณะและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมใน
ชุมชน ตัวอย่างเช่น บทบาทของผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนประเด็นที่ด ารงความขัดแย้งอยู่
ให้บรรเทาเบาบางลง แม้กระทั่งแปรเปลี่ยนความขัดแย้งให้เกิดสันติสุขขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปมี
บทบาทของผู้หญิงทางการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น เปรียบเสมือนการปรับโครงสร้างทางสังคม
ระหว่างหญิงชายให้เกิดความสมดุล เกิดความเชื่อถือ เกิดการยอมรับในการเข้าร่วมผลักดันแก้ไขประเด็น
ขัดแย้งต่างๆ ในสังคมให้มี แนวทางแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่เพิ่มบทบาทผู้หญิงในการ
แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
โดยกรอบแนวคิดในการท างานวิจัยฉบับนี้คือ เรื่องทฤษฎี บทบาทผู้หญิงกับการจัดการความขัดแย้ง
รุนแรงในสถานการณ์ต่างๆ และแนวคิดสตรีกับสันติภาพ งานวิจัยหลายเล่มอธิบายถึงบทบาทสตรีที่พยายาม
ก้าวข้ามกรอบความคิดของชายเป็นใหญ่ ก้าวข้ามกรอบความคิดรูปแบบที่ยึดติดในสตรี หรือ sterotype ของ
สตรีที่ควรจะเป็น ซึ่งบทบาทสตรีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างหลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พบว่าบทบาทของสตรีเข้าไปมีส่วนในกระบวนการแก้ไขปัยหาความขัดแย้งอย่างมาก และ
บางครั้งเป็นแกนน าในการขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมที่กระเทือนสังคม เช่น จินตนา แก้วขาว สตรีแกนน า
กลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูดและบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, อารมณ์ ค าจริง แกนน ากลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เพื่อเป็นแนวร่วมคัดค้านต่อร่างนโยบายส ารวจและการท าเหมืองแร่
ทองค า และแม้แต่ประเด็นทางการเมือง น าโดยทิชา ณ นครและทีม พยายามจะให้เกิดสัดส่วนของสตรีในทาง
การเมืองของไทยโดยก าหนดสัดส่วนสตรีที่ชัดเจนในลักษณะ reserved seat ให้กับสตรีเพื่อให้สตรีได้มีโอกาส
ในการเข้าสู่สนามการเมืองมากขึ้น แต่สุดท้ายความพยายามที่จะผลักดันในระดับชาติจากกลุ่มผู้หญิงด้วยกัน
6