Page 331 - kpi17073
P. 331
330 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์
ต้องขออธิบายว่า ข้อที่ผมเสนอนั้น จะให้ระบบคะแนนที่เราจะแบ่งเป็นระดับ เรียงกันไป
ตามลำดับโดยคะแนนนั้นจะได้มาจากการแปลงคุณสมบัติต่างๆ เช่น คะแนนความสามารถ
คะแนนผลงาน คะแนนอาวุโส คะแนนการปฏิบัติ ที่มีมาตั้งแต่ในอดีต แปลงเป็นคะแนนให้หมด
เพื่อเรียงลำดับตามความเหมาะสม ใครมีคะแนนมากที่สุดก็ได้เลื่อนขึ้นไปก่อนตามลำดับ โดยมี
ฝ่ายการเมืองเป็นผู้พิจารณาว่าควรจะไปเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ตรงส่วนใด ตามความเหมาะสม
อย่างไรเท่านั้น ซึ่งที่เสนอแบบนี้นั้นเพราะว่า เราไม่สามารถจะปฏิเสธความสัมพันธ์และบทบาท
ของฝ่ายการเมืองได้ ซึ่งคะแนนนั้นไม่ได้มาจากการพิจารณาของข้าราชการการเมืองแต่มาจาก
ระบบของข้าราชการประจำที่คัดเข้ามา
ดร.เชาวนะ ไตรมาศ
ระหว่างคนและระบบนั้นมีความสำคัญ ซึ่งมันมีอยู่แล้วและเรากำลังพิจารณาว่า มันมีความ
เหมาะสมอย่างไร ซึ่งตอนนี้เรากำลังคุยที่จะพิจารณา แบ่งแยกข้าราชการประจำและข้าราชการ
การเมืองออกจากกัน โดยครั้งหนึ่งที่เรามีฝ่ายประจำที่คุมทั้งฝ่ายการเมืองและเป็นผู้ปฏิบัติ
ซึ่งสามารถนำประเทศไปได้ เช่น สมัยสฤษดิ์ แต่พอมาอีกสมัยหนึ่ง เช่น รัฐธรรมนูญ 40 หรือ
50 ที่เป็นระบบที่มีการบริหารราชการ ซึ่งทั้งสองระบบมีการแต่งตั้งแตกต่างกันอย่างไรนั้น คือ
ถ้าข้าราชการการเมือง แต่งตั้งหรือเลือกเข้ามาก็ถูกสฤษดิ์ ธนะรัชต์ครอบ แต่มาสมัยของ
รัฐธรรมนูญ 40 การบริหารงานแบบราชการที่มีระบบแต่ทำให้คนล้น ซึ่งตัวอย่างว่าคุณจะทำ
ในเรื่องต่างๆ นั้น มันจะมีกฎเกณฑ์ของมัน โดยเมื่อข้าราชการการเมืองเข้ามาก็ต้องมีกรอบ
ที่ชัดเจน เหมือนที่ท่านอาจารย์ศุภสวัสดิ์กล่าวไว้ในเรื่องของการคัดเลือกเป็นระดับคะแนน
โดยไม่ว่าจะเป็นระบบหรือคน มันมีความสัมพันธ์กันและมีความสำคัญทั้งสองอันแต่ต้องให้
มันเป็นกลไกที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ของชาติ ซึ่งเราจะต้องยอมรับว่ามันมีการแข่งขันกัน
ระหว่างประเทศ ดังนั้นมันจึงต้องบริหารให้อยู่ให้ได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องประสานงานที่จะทำให้
เราอยู่ร่วมกันให้ได้ โดยการทำงานมันมีความทับซ้อนกันและข้าราชการการเมืองเห็นข้าราชการ
ประจำเป็นทาส โดยตัวข้าราชการประจำเองต้องเข้าใจและให้ความสำคัญในศักดิ์ศรีของตนเอง
เพื่อทำให้สามารถขับเคลื่อนการทำงานได้อย่างเกิดดุลยภาพ
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3