Page 163 - kpi16531
P. 163

1        นวัตกรรมการพัฒนารายได้
                ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น



                    โรงบำบัดน้ำเสียแห่งที่สามนี้เกิดขึ้นจากการที่เมืองพัทยาได้ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ

               โดยในปี พ.ศ. 2535 กรมควบคุมมลพิษว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียด
               ระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสีย ผลจากการสำรวจและออกแบบพบว่า หากกำหนด
               ให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวมเพียงแห่งเดียวจะทำให้การลงทุนก่อสร้าง ค่าเดินระบบ ค่าบำรุงรักษา

               ระบบ ตลอดจนการจัดการระบบในระยะยาวสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และต่อมาในปี
               พ.ศ. 2536 กรมควบคุมมลพิษยังได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับการจัดการ
               น้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษเมืองพัทยา


                    เมื่อมีการยกเลิกระบบบำบัดน้ำเสียที่ซอยเกษมสุวรรณและซอยพัทยา 17 แล้ว เมืองพัทยา
               ได้ใช้ระบบบำบัดน้ำเสียจากโรงงานแห่งใหม่นี้แทนไปจนกว่าระบบจะหมดอายุ ซึ่งคณะกรรมการ
               สิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบกับแผนงานและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และจัดสรรเงินอุดหนุน

               จากกองทุนสิ่งแวดล้อมให้เมืองพัทยาในการดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยมีวงเงิน 1,848.95
               ล้านบาท รวมทั้ง ให้สำนักงานกองทุนสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุม
               มลพิษ กรมการปกครอง เมืองพัทยา ฯลฯ พิจารณาเกี่ยวกับวงเงิน ระยะเวลา และวิธีชดใช้เงินคืน

               กองทุนสิ่งแวดล้อมตามความเหมาะสมของสถานภาพทางการเงินการคลังของเมืองพัทยา
               (กองกรรมาธิการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา, รายงานของคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา
               เรื่อง การจัดการมลพิษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติในส่วนที่

               เกี่ยวกับแนวทางในการจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ การประเมินผลการประกาศเขตควบคุม
               มลพิษ เมืองพัทยา การประเมินผลโครงการฟื้นฟูบูรณะ เมืองพัทยา ผลกระทบจากการตัดถนนผ่าน
               ป่าชายเลนและการวิเคราะห์ปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียงวัดอโศการาม

               จังหวัดสมุทรปราการ, น. 33. (อัดสำเนา)) ปัจจุบัน ระบบบำบัดน้ำเสียแห่งนี้ยังคงใช้งานอยู่และ
               มีโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และขยายระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียให้ครอบคลุมถึงโซนจอมเทียน
               ด้วย (กองช่างสุขาภิบาล, ระบบการจัดการน้ำเสียเมืองพัทยา, <http://info.pattaya.go.th/km/
               sanitarywork/DocLib9/ระบบการจัดการน้ำเสียเมืองพัทยา.aspx>X)


                    นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2543 ด้วยปริมาณน้ำเสียที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมืองพัทยาตัดสินใจ
               ก่อสร้างโรงบำบัดเพิ่มเติมอีกแห่งในซอยวัดหนองใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่อีกประมาณ 32.6
               ตารางกิโลเมตร และเพิ่มความสามารถในการบำบัดน้ำเสียอีก ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณ

               การก่อสร้างจากกองทุนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกัน

                    อย่างไรก็ดี แม้ว่าการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียจะได้รับการจัดสรรเงินทุนและแผนปฏิบัติการจาก

               หน่วยงานของรัฐ แต่เมื่อมีการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียเสร็จแล้ว จำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการ
               โรงบำบัดน้ำเสียต่อหลังจากนั้น เพื่อให้โรงบำบัดน้ำเสียสามารถเปิดดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม
               ในช่วงเวลานั้นเมืองพัทยายังไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโรงบำบัดขนาดใหญ่มาก่อน

               จึงไม่มีการจัดเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและงบประมาณไว้ภายหลังจากก่อสร้างเสร็จสิ้น
               หน่วยงานภาครัฐเพียงแต่จัดสรรเงินลงทุนให้แก่เมืองพัทยาในการก่อสร้างโรงบำบัด และกำหนด
               เงื่อนไขให้เมืองพัทยาต้องสมทบเงินค่าก่อสร้างจำนวนร้อยละ 10 รวมทั้ง ส่งคืนเงินกองทุน
               สิ่งแวดล้อมภายหลังจากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 ปี
   158   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168