Page 163 - kpi15695
P. 163
คํ า พิ พ า ก ษ า น่ า รู้
ค ดี ป ก ค ร อ ง ข อ ง อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น
พฤติกรรมถือได้ว่ากระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงให้นายก
และปลัด อบต. ทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคนละครึ่งของ
จำนวนค่าเสียหายทั้งหมด เมื่อ อบต. ได้รับชดใช้จากนางอุไรวรรณ
ครบถ้วนแล้ว ให้คืนเงินส่วนที่รับชำระไว้เกินให้แก่นายกและปลัด อบต.
ตามสัดส่วนที่ได้ชดใช้ไว้กับทางราชการ นอกจากนี้ ขอให้พิจารณา
ดำเนินการทางคดีอาญากับนางอุไรวรรณ ด้วย อบต. บ้านบึง จึงมีคำสั่ง
ให้นายกและปลัด อบต. ชดใช้ค่าเสียหายตามความเห็นของกระทรวง
การคลัง
นายก อบต. และปลัด อบต. บ้านบึง จึงได้ไปยื่นฟ้องคดีต่อ
ศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ อบต.
ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลปกครอง นายก อบต. และปลัด
อบต. ได้ทำสัญญารับสภาพหนี้ต่อ อบต. บ้านบึง ยินยอมชดใช้ค่าเสีย
หายคนละ ๘๖๐,๐๐๐ บาท โดยขอผ่อนชำระให้แล้วเสร็จภายในกำหนด
๑๐ ปี
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดง ที่ อ. ๔๒๐ –
๔๒๑/๒๕๕๓ ว่า ตามสัญญารับสภาพหนี้เป็นกรณีที่ฝ่ายนายก อบต.
และปลัด อบต. ผู้ฟ้องคดีทั้งสองยินยอมที่จะชดใช้เงินคนละ ๘๖๐,๐๐๐
บาท โดยสละข้อต่อสู้ว่าคำสั่งเรียกให้ชดใช้เงินของ อบต. บ้านบึง
ที่เกิดจากมูลหนี้ละเมิดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วน อบต.
บ้านบึง ก็ตกลงยินยอมให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองผ่อนชำระในยอดเงินที่ต้อง
ชำระดังกล่าวเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ ๗,๑๖๗ บาท และให้ชำระ
ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๐ ปี โดยสละสิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง
ชำระหนี้โดยสิ้นเชิงให้แล้วเสร็จภายในครั้งเดียว กรณีจึงเป็นการที่
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงยอมผ่อนผันให้แก่กัน ดังนั้น สัญญาดังกล่าว
จึงมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามมาตรา ๘๕๐ แห่ง
1