Page 118 - kpi15695
P. 118
คํ า พิ พ า ก ษ า น่ า รู้
ค ดี ป ก ค ร อ ง ข อ ง อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น
๙.๒. ขอให้ศาลจับกุมและกักขัง
ขอให้ศาลจับกุมและกักขัง
นายสมพร เจ้าของบ้านได้ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อ
องค์การบริหารส่วนตำบลตรวจพบได้มีคำสั่งให้นายสมพรแก้ไข
เปลี่ยนแปลงอาคารที่ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน
๓๐ วัน แต่นายสมพรไม่ได้ดำเนินการอย่างใด นายกองค์การบริหาร
ส่วนตำบลมีคำสั่งให้นายสมพรรื้อถอนอาคารเป็นหนังสืออีกรวม
๔ ฉบับ แต่ก็มิได้มีการรื้อถอนอาคารตามคำสั่งแต่อย่างใด นายกองค์การ
บริหารส่วนตำบลจึงยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งให้จับกุมและ
กักขังนายสมพร ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ ๓๕๐/๒๕๕๒ ว่า เมื่อนายก
องค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจสั่งให้นายสมพรรื้อถอนอาคารนั้นได้
ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ซึ่งหากไม่มีการ
รื้อถอนอาคารดังกล่าว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลย่อมมีอำนาจ
ดุลพินิจที่จะดำเนินการยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องต่อศาล
ขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังนายสมพร หรือดำเนินการจัดให้มีการ
รื้อถอนอาคารดังกล่าวได้ การที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเลือก
วิธีการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งจับกุมและกักขังนายสมพรนั้น
มาตรา ๒๙๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
บัญญัติว่า ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตตามคำขอนั้น เว้นแต่เป็นที่พอใจจาก
พยานหลักฐานซึ่งผู้ร้องนำมาสืบหรือที่ศาลเรียกมาสืบว่า (๑) ลูกหนี้
ตามคำพิพากษาสามารถที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้
ถ้าได้กระทำโดยสุจริต และ (๒) ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่เจ้าหนี้ตาม
คำพิพากษาจะใช้บังคับได้ จากหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นเห็นว่า
109