Page 21 - kpi11530
P. 21
คำพิพากษา“ใน”คดีปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง ...” นั้น หมายถึง เจ้าของทรัพย์สิน
ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีภาระหน้าที่ในการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ส่วนการทำสัญญาเช่าทรัพย์สินที่กำหนดให้ผู้เช่าเป็นผู้เสียภาษีโรงเรือน
และที่ดินเป็นนิติกรรมที่เป็นบุคคลสิทธิผูกพันระหว่างเจ้าของทรัพย์สินกับ
ผู้เช่าเท่านั้น ไม่สามารถใช้ยันต่อรัฐได้ และไม่ทำให้เจ้าของทรัพย์สิน
พ้นจากภาระหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามที่กฎหมาย
กำหนด ดังนั้น ถ้าผู้เช่าได้ชำระภาษีไปก็เป็นเพียงการชำระภาษีแทน
เจ้าของทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแก่ผู้เช่าแต่
ประการใด นางสาวเดือนเห็นว่ามติคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ
จังหวัดเชียงใหม่และคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากมาตรา ๔๔ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๕ มิได้กำหนดว่าบุคคลที่มีสิทธิ
โรงเรือนและที่ดิน สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และได้เสียภาษี
ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษี ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุง
บุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้เช่า ท้องที่ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน อีกทั้ง
แม้จะมีสัญญาให้ต้อง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ และพระราช
รับผิดเสียภาษีโรงเรือน บัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๘ ก็ไม่ได้บัญญัติห้ามผู้อื่นที่ไม่ใช่
และที่ดินก็ไม่มีคุณสมบัติ เจ้าของทรัพย์สินเสียภาษีดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่
เป็นผู้มีสิทธิสมัคร ๒๖๐๖/๒๕๒๓ ที่ยอมรับให้มีการทำความตกลงระหว่างผู้มีหน้าที่เสียภาษี
รับเลือกตั้งสมาชิก ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินกับผู้อื่นให้เสียภาษีแทนตนได้
สภาท้องถิ่นหรือ จึงได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่
ผู้บริหารท้องถิ่น ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่
อ. ๓๙/๒๕๕๒ ว่า มาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษี
โรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ บัญญัติว่า ค่าภาษีนั้นท่านให้
เจ้าของทรัพย์สินเป็นผู้เสีย และกฎหมายฉบับนี้ได้บัญญัติให้ผู้มีหน้าที่
เสียภาษีนำค่าภาษีไปชำระต่อพนักงานเก็บภาษีภายในสามสิบวันนับแต่
การสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
3