Page 60 - kpi10607
P. 60
ฝ่าวิกฤต สร้างโอกาส บทบาทท้องถิ่นไทย
ในกรณีที่มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมดในองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น และมีคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยกว่าสามในห้าของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนน
เสียงนั้นเห็นว่าสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป ให้บุคคลนั้นพ้นจาก สถาบันพระปกเกล้า
ตำแหน่งนับแต่วันลงคะแนนเสียง แต่หากมีคะแนนเสียงน้อยกว่าสามในห้าให้การเข้าชื่อถอดถอนบุคคลนั้นเป็น
อันตกไป
ในกรณีที่การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นอันตกไปตามวรรคหนึ่งและ
วรรคสอง ห้ามมิให้เข้าชื่อถอดถอนบุคคลนั้นในเหตุเดียวกันอีกภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ลงคะแนนเสียง
มาตรา 52 เมื่อมีการประกาศผลการลงคะแนนเสียงแล้ว ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นนั้นผู้ใดเห็นว่าการลงคะแนนเสียงเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่น
คำร้องคัดค้านการลงคะแนนเสียงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการ
การเลือกตั้งประกาศผลการลงคะแนนเสียง
เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับคำร้องแล้วให้ดำเนินการพิจารณาโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าการลงคะแนน
เสียงนั้นเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้จัดให้มีการลงคะแนนเสียงใหม่ เว้นแต่จะเห็นว่า
การลงคะแนนเสียงใหม่ไม่ทำให้ผลการลงคะแนนเสียงเปลี่ยนแปลงไป ให้มีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านนั้นเสีย
การคัดค้านการลงคะแนนเสียงและการพิจารณาการคัดค้านการลงคะแนนเสียง ให้เป็นไปตามระเบียบ
ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด 5
การรายงานการดำเนินงานต่อประชาชน
มาตรา 53 เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและกำกับการบริหารจัดการขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรายงานการดำเนินงานและผลการดำเนินงานต่อ
ประชาชนทุกปี โดยอย่างน้อยต้องรายงานในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) การจัดทำงบประมาณ โดยอย่างน้อยต้องมีรายการเปรียบเทียบระหว่างประมาณการรายรับกับ
รายรับจริง และประมาณการรายจ่ายกับรายจ่ายจริงของแต่ละรายการ รวมทั้งเงินสะสมและเงินกู้
(2) การใช้จ่ายตามหมวดหรือประเภทรายจ่าย รายละเอียดของรายจ่ายประจำและรายจ่ายเพื่อการ
ลงทุนในแต่ละรายการ รายการรายจ่ายจากเงินสะสมและเงินกู้ รวมทั้งรายจ่ายในส่วนของเงินเดือน ค่าจ้าง
ค่าตอบแทน และเงินรางวัล