Page 74 - kpiebook67002
P. 74
พัฒนาการท างานของรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นโทรทัศน์รัฐสภาอินโดนีเซีย จึงกลายเป็นช่องทางการ
สื่อสารที่ส าคัญเพราะว่าเป็นช่องข่าวหลักในการน าเสนอข่าวสารทางการเมืองของรัฐบาล และเป็นช่องเดียวที่
ท าหน้าที่ในการน าเสนอข่าวสารของรัฐสภา
โทรทัศน์เป็นสื่อที่เข้าถึงประชาชนอินโดนีเซียทุกกลุ่มในทุกวัน สื่อมวลชนได้กลายเป็นปัจจัย
หลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของอินโดนีเซีย ธุรกิจสื่อโทรทัศน์อินโดนีเซียเติบโตอย่าง
รวดเร็ว โดยเริ่มตั้งแต่ TVRI เป็นช่องแรกที่ออกอากาศในค.ศ. 1962 ต่อมาในค.ศ. 1988 ธุรกิจสื่อโทรทัศน์
เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีช่องโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอีกจ านวนหนึ่ง เช่น RCTI, SCTV, ANTV และ Indosiar ความ
เป็นอิสระของสื่อหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในค.ศ. 1998 ได้ท าให้สื่อโทรทัศน์มีอิสระในการน าเสนอ
ข่าวสารต่าง ๆ ไม่ถูกสั่งห้าม หรือสั่งปิดอย่างเช่นที่ผ่านมา ระบบการเมืองของอินโดนีเซียเป็นระบบหลายพรรค
การเมืองจึงท าให้มีสมาชิกรัฐสภาจากหลากหลายพรรคการเมืองเข้าไปท าหน้าที่ในรัฐสภา จึงน าไปสู่
การรวมกลุ่มทางการเมืองในรัฐสภาเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและความคิดทางการเมืองในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งรายการหนึ่งที่ส าคัญของโทรทัศน์รัฐสภา คือ การน าเสนอการท างานของกลุ่มทางการเมืองทั้งหมดในรัฐสภา
อินโดนีเซีย เพื่อเป็นสร้างเสริมความไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐบาลให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มทาง
การเมืองอินโดนีเซียมีความใกล้ชิดและท าหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชน โทรทัศน์
รัฐสภาอินโดนีเซียมีทั้งหมด 4 รายการที่ออกอากาศทุกวัน โดยกิจกรรมหลักของโทรทัศน์รัฐสภาอินโดนีเซีย
ได้แก่ การประชุมรัฐสภา การถ่ายทอดสดการประชุมของคณะกรรมาธิการ รายการพูดคุยเกี่ยวกับการเมือง
รวมทั้งรายการน าเสนอข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งโทรทัศน์รัฐสภาอินโดนีเซียมี
หน้าที่หลักในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการประชาธิปไตยและการให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองต่อ
สาธารณะ นอกจากนี้โทรทัศน์รัฐสภายังท างานร่วมกับโทรทัศน์เอกชนในการน าเสนอข่าวสารทางการเมือง
โดยการส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้แก่โทรทัศน์เอกชน เพื่อเป็นการขยายกลุ่มผู้ชมผู้ฟังในวงกว้างมากขึ้น
การน าเสนอข่าวสารต่าง ๆ ของสื่ออินโดนีเซีย อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายเกี่ยวกับสื่อ
ที่ท าหน้าที่ควบคุมการผลิตและการน าเสนอข่าวต่าง ๆ ของสื่อทุกชนิด รวมทั้งสื่อของรัฐสภาด้วยเช่นกัน คือ
กฎหมายหมายเลข 32 ปี 2002 โดยมีหลักการในการจัดการเกี่ยวกับการออกอากาศให้อยู่ภายใต้การควบคุม
ของกฎหมาย ในกรณีของโทรทัศน์รัฐสภาท าหน้าที่แตกต่างจากโทรทัศน์ช่องอื่น ๆ เพราะโทรทัศน์ช่องอื่นไม่ได้
ท าหน้าที่ในการน าเสนอข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งหมด จึงเป็นเหตุผลที่ท าให้โทรทัศน์รัฐสภามี
บทบาทเต็มที่ในการน าเสนอข่าวสารเกี่ยวกับการท างานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง
รัฐสภากับประชาชนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของฮาร์เบอร์มาสที่อธิบายว่าประชาชนและ
79
สาธารณชนต้องการสื่อที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อสร้างความไว้วางใจทางการเมือง
79 Aep Wahyudin, “The role of Indonesia Parliamentary television as government broadcasting to enhance
public trust,” pp. 105-116.
73
