Page 75 - kpiebook65072
P. 75
74 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ผู้ใช้อำานาจของรัฐที่มีการนำาบุคคลไปกักขังในที่ลับ (Secret Detention) เพื่อปกปิด
121
มิให้ทราบชะตากรรมของบุคคลนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การป้องกัน
มิให้เผยแพร่ข้อมูลบางประการ หรือเพื่อทำาให้ครอบครัว ญาติสนิท หรือสังคม
โดยรวมเกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกรณี
การกระทำาให้บุคคลสูญหายเหตุการณ์แรกในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน
คือ การที่กองทัพนาซีออกกฎหมายมาจับกุมตัวบุคคลที่กองทัพนาซีมองว่า
“เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของเยอรมนี” โดยหลังจากที่กองทัพนาซีได้จับกุม
และนำาตัวบุคคลเข้ามาในเยอรมนีแล้วก็ไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรมของบุคคลเหล่านี้
122
อีกต่อไป และต่อด้วยยุคเผด็จการในภูมิภาคอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในช่วง
ค.ศ. 1960-1980 ที่มีบุคคลผู้เห็นต่างทางการเมืองจำานวนมากถูกกระทำาให้
สูญหายด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกระทำา
123
ให้บุคคลสูญหายเป็นการกระทำาที่เขย่าขวัญมโนสำานึกของมนุษยชาติอย่างยิ่ง
124
เช่นเดียวกับการทรมาน และทำาให้สหประชาชาติต้องบรรจุสิทธิในการไม่ถูก
125
จับกุมหรือคุมขังโดยอำาเภอใจเข้าไปอยู่ในปฏิญญา UDHR ด้วย เพื่อรับรอง
สิทธิดังกล่าวและป้องกันไม่ให้มีการกระทำาเช่นนี้อีกในอนาคต
121 María Clara Galvis Patiño, “Rights Related to Enforced Disappearance,” in
The Cambridge Handbook of New Human Rights Recognition, Novelty,
Rhetoric (Cambridge University Press, 2020).
122 Encyclopaedia Britannica, Nacht-und-Nebel-Erlass (Night and Fog
Decree), 7 December 1941 [online] Available from: https://www.britannica.
com/topic/Night-and-Fog-Decree [18 July 2021].
123 Marthe Lot Vermeulen, Enforced Disappearance: Determining State
Responsibility under the International Convention for the Protection of
All Persons from Enforced Disappearance, (Intersentia, 2012), p. 5.
124 Supra Note 107, p. 166.
125 Supra Note 10, UDHR, Art. 9.
inside_ .indd 74 14/9/2565 11:15:02