Page 70 - kpiebook65072
P. 70
69
มีการตั้งข้อสังเกตว่าลักษณะของการทรมานดังที่ปฏิบัติมาตั้งแต่ในอดีตนั้น
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่สามารถกระทำาโดยบุคคลใดก็ได้ แต่มักเป็นการกระทำาของ
เจ้าหน้าที่รัฐ (State Officials) หรือของผู้ที่ใช้อำานาจรัฐ (Authorized Persons)
103
และล้วนมีจุดเกาะเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อคุ้มครอง
ปัจเจกชนให้พ้นจากการกระทำาดังกล่าว จึงได้เริ่มมีการรับรอง “สิทธิที่จะไม่ถูก
ทรมาน” ขึ้นในบัญญัติเรื่องสิทธิพื้นฐาน (Bills of Rights) ของประเทศต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้รับการอ้างอิงถึงอย่างมาก คือ บัญญัติเรื่องสิทธิพื้นฐานของ
104
สหราชอาณาจักร และของสหรัฐอเมริกา ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
105
ได้ปรากฏว่ามีการทรมานอย่างกว้างขวางโดยกองทัพนาซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์บนตัวมนุษย์ในค่ายกักกันที่สร้าง
ความเจ็บปวดทรมานให้แก่เหยื่อเป็นอย่างมาก จนอาจกล่าวได้ว่า
106
107
เป็นการกระทำาที่เขย่าขวัญมโนสำานึกของมนุษยชาติอย่างยิ่ง เหตุนี้เอง
ที่เป็นปัจจัยผลักดันให้สหประชาชาติต้องบรรจุสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานเข้าไปอยู่
108
ในปฏิญญา UDHR เมื่อ ค.ศ. 1948 เพื่อรับรองสิทธิดังกล่าวและป้องกัน
ไม่ให้มีการกระทำาเช่นนี้อีกในอนาคต
103 Ibid, p. 4.
104 United Kingdom, An Act Declaring the Rights and Liberties of the Subject
and Settling the Succession of the Crown (Bills of Rights), 1 William & Mary
Sess 2 c 2.
105 United States Constitution Amendments 1 to 10 (Bills of Rights), 1789.
106 Auschwitz-Birkenau State Museum, Josef Mengele [online] Available from:
http://auschwitz.org/en/history/medical-experiments/josef-mengele [23 July
2021].
107 Nigel S. Rodley, “Integrity of the Person”, in International Human Rights
Law, eds. Daniel Moeckli, Sangeeta Shah and Sandesh Sivakumaran (Oxford
University Press, 2018), p. 166.
108 Supra Note 10, UDHR, Art. 5.
inside_ .indd 69 14/9/2565 11:15:02