Page 374 - kpiebook65072
P. 374
373
ต่อการปฏิบัติตามพันธกรณี เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ของไทยมีบทบัญญัติรับรองประเด็นไว้เป็นการทั่วไปอยู่แล้วซึ่งสอดคล้อง
กับแนวทางของรัฐภาคีที่นำามาศึกษา โดยมาตรา 135 บัญญัติเกี่ยวกับวิธีการ
ถามคำาให้การผู้ต้องหาว่า “ในการถามคำาให้การผู้ต้องหา ห้ามมิให้พนักงานสอบสวน
ทำาหรือจัดให้ทำาการใด ๆ ซึ่งเป็นการให้คำามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน
ใช้กำาลังบังคับ หรือกระทำาโดยมิชอบประการใด ๆ เพื่อจูงใจให้เขาให้การอย่างใด ๆ
ในเรื่องที่ต้องหานั้น” และมาตรา 226 บัญญัติเกี่ยวกับการห้ามรับฟังพยานหลักฐาน
ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายว่า “พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล
ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำาเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้อง
เป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง
หรือโดยมิชอบประการอื่น และให้สืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน” ดังนั้น ในเรื่องนี้ผู้วิจัยจึงเห็นว่า
หลักการที่ปรากฏในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทย
สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CAT อยู่แล้ว จึงไม่จำาเป็นต้องกำาหนด
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ อีกแต่อย่างใด
7.2.6 ความรับผิดทางอาญาของผู้บังคับบัญชา
อนุสัญญา CED กำาหนดให้รัฐภาคีต้องประกันว่าผู้บังคับบัญชาสามารถ
มีความรับผิดทางอาญาได้ด้วยหากมีพฤติการณ์ที่เข้าเงื่อนไขตามที่อนุสัญญา
กำาหนด คือ ผู้บังคับบัญชานั้นมีข้อมูลอย่างชัดเจน มีอำานาจและการควบคุม
ที่มีประสิทธิภาพเหนือผู้ใต้บังคับบัญชา และได้ล้มเหลวในการดำาเนินมาตรการ
เพื่อป้องกันหรือระงับไม่ให้มีการกระทำาความผิด โดยรัฐที่นำามาเป็นกรณีศึกษา
707
มีแนวทางการกำาหนดความรับผิดทางอาญาของผู้บังคับบัญชา ดังนี้
707 โปรดดูหัวข้อ 3.3.1.2.
inside_ .indd 373 14/9/2565 11:15:10