Page 360 - kpiebook65057
P. 360
ในการพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองในส่วนที่เป็นฐานของพีระมิด จึงจำเป็นต้องสร้าง
ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพลเมือง
จากการศึกษาพัฒนาการการเมืองภาคพลเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน
และการศึกษามโนทัศน์ความเข้าใจการเมืองภาคพลเมือง มาวิเคราะห์ความหมาย
ของการเมืองภาคพลเมือง สามารถจำแนกความหมายของการเมืองภาคพลเมือง
ได้เป็นสองประเภท ได้แก่ การเมืองภาคประชาชน (People’s Politics) และการเมือง
ภาคพลเมือง (Citizen Politics) การเมืองแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้
การเมืองภาคประชาชน (People’s Politics) คือ ลักษณะของการเมือง
ที่ประชาชนเข้าไปเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ (Hard Power) เป็นลักษณะ
ของการเมืองที่ประชาชนมีความไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่นในรัฐจนทำให้เกิดเป็น
การรวมกลุ่มกันขึ้น เช่น การประท้วงด้วยการรวมตัวกันบนท้องถนน การเรียกร้อง
เพื่อให้มีการแก้ไขกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ
ของประชาชน หรือการล้มล้างอำนาจรัฐ เป็นต้น ทั้งนี้การเมืองภาคประชาชน
ที่มีเป้าหมายเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐนั้นมีสาเหตุมาจากหลาก
หลายปัจจัย เช่น การจัดสรรอำนาจที่ไม่สมดุล ความไม่เท่าเทียมในการบังคับใช้
กฎหมาย ความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำ ความไม่พอใจ
ในการการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ และได้ส่งผลให้เกิดความเสียหาย
ต่อประชาชนและสังคม เป็นต้น
การเมืองภาคพลเมือง (Citizen Politics) เป็นลักษณะของการที่ประชาชน
เข้าไปมีอิทธิพลต่อการใช้อำนาจรัฐ (Soft Power) กล่าวคือ การที่ประชาชน
มีความตื่นตัวทางการเมืองและต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น
การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะ การมีส่วนร่วมในการแก้ไข
กฎหมาย รัฐธรรมนูญ หรือการมีส่วนร่วมในการเข้าไปกำกับควบคุมการใช้อำนาจรัฐ
เพื่อให้ดำเนินการตามที่ตนเองต้องการ โดยการเมืองภาคพลเมืองแบ่งออกเป็น
2 กลุ่ม ได้แก่
305