Page 42 - kpiebook65017
P. 42
41
เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดท�าโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณ
โดยรู้ว่ามีการด�าเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ให้พ้นจากความรับผิด
การเรียกเงินคืนตามวรรคสามหรือวรรคสี่ ให้กระท�าได้ภายในยี่สิบปี
นับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น
ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับ
แจ้งตามวรรคสี่ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด�าเนินการ
สอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน หากเห็นว่ากรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อด�าเนินการต่อไปตามวรรคสาม และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด คณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและศาลรัฐธรรมนูญ หรือบุคคลใดจะ
เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้”
บทบัญญัติข้างต้นแสดงให้เห็นถึงข้อห้ามที่ส�าคัญในการอนุมัติงบประมาณ
ในสองเรื่องด้วยกัน ได้แก่ เรื่องแรกเป็นข้อห้ามในการเพิ่มรายจ่ายและตัดรายจ่ายตาม
ข้อผูกพัน กล่าวคือ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอ�านาจแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการ
หรือจ�านวนในรายการที่ระบุไว้ในกฎหมายงบประมาณ แต่อาจแปรญัตติในทางลด
หรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการเพิ่ม
ภาระทางการคลังและไม่ให้รัฐสภาใช้อ�านาจในการริเริ่มก�าหนดรายจ่ายแผ่นดินขึ้นเอง