Page 84 - kpiebook63029
P. 84
83
การที่นายธนเทพได้เริ่มลงสนามการเมืองในระดับชาติครั้งแรกในปี 2539 ด้วยการสนับสนุน
จากเครือข่ายของบิดาและนายเสนาะ เทียนทอง ทำาให้นายธนเทพได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ติดต่อกัน
2 สมัย ในระหว่างที่เป็น ส.ส. นี้ นายธนเทพมีตำาแหน่งสำาคัญทางการเมือง เช่น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย กรรมาธิการสิ่งแวดล้อม ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นต้น
จึงยิ่งเป็นการสร้างบารมีในทางการเมืองระดับชาติของตระกูลทิมสุวรรณมากขึ้น กระทั่งการเลือกตั้งใน
ปี 2548 นายธนเทพได้ผลักดันให้นางนันทนา ทิมสุวรรณ ภรรยา ซึ่งเคยทำางานด้านการบริหารท้องถิ่น
มาก่อน ลงสมัครเป็น ส.ส. เขตแทนเรื่อยมา ส่วนนายธนเทพหันไปสมัครเป็น ส.ว. และ ส.ส. แบบบัญชี
รายชื่อ ซึ่งทุกครั้งก็จะได้รับการเลือกตั้งมาโดยตลอด เช่นเดียวกับการครองตำาแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นใน
ระดับจังหวัดแบบผูกขาดของตระกูลทิมสุวรรณมาหลายสมัยต่อเนื่องจนถึงรุ่นของนายธนาวุฒิ บุตรชาย
คนเล็กของนายสุรัตน์และเป็นน้องชายของนายธนเทพ โดยเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย
ติดต่อกันถึง 3 สมัย ภายใต้การบริหารงบประมาณอย่างมหาศาล การจัดสรรทรัพยากรผ่านโครงการ
ต่างๆ ของรัฐลงไปในพื้นที่ชุมชนและหมู่บ้านก็ยิ่งเป็นการสร้างพื้นที่ฐานเสียงความนิยมจากประชาชน
และบารมีทางการเมืองของตระกูลทิมสุวรรณเป็นอย่างดี
การครองพื้นที่ทางการเมืองของตระกูลทิมสุวรรณผ่านการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับ
ท้องถิ่นในจังหวัดเลยที่ต่อเนื่องยาวนานเช่นนี้ สะท้อนถึงความสัมพันธ์และการสร้างเครือข่ายทางการเมือง
ที่เข้มแข็งของตระกูลทิมสุวรรณ จนมีความเชื่อว่าในพื้นที่เลือกตั้งของตระกูลทิมสุวรรณ หากส่งใคร
ลงสมัครก็ชนะเสมอ จนถูกขนานนามในทางการเมืองของตระกูลนี้ว่า “บ้านใหญ่แห่งวังสะพุง”
ตระกูลสังขทรัพย์
เดิมต้นตระกูลสังขทรัพย์อยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ต่อมา พ.ต.อ. กฤช สังขทรัพย์ (เดิมชื่อ
บุญเลิศ) ได้ย้ายถิ่นฐานมาประจำาการในจังหวัดเลยและปฏิบัติงานในตำาแหน่งผู้บัญชาการตำารวจท้องที่
ในหลายอำาเภอของจังหวัดเลย ได้แก่ อำาเภอเชียงคาน อำาเภอด่านซ้าย และอำาเภอเมืองเลย กระทั่งได้
ดำารงตำาแหน่งผู้กำากับการตำารวจภูธรจังหวัดเลยในเวลาต่อมา ในช่วงเวลานั้นจังหวัดเลยเป็นเขตคุกคาม
ของคอมมิวนิสต์ ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่สู้รบครั้งหนึ่ง พ.ต.ต. กฤช (ยศในขณะนั้น) ได้นำากำาลังตำารวจ
เข้ายึดหมู่บ้านม้งบนภูขี้เถ้าซึ่งอยู่ในแนวเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดเลยและจังหวัดพิษณุโลก จนถูกกลุ่ม
คอมมิวนิสต์ปิดล้อมนานถึง 15 วัน ต่อมาทางราชการโดยกองทัพภาคที่ 2 จึงนำากำาลังไปช่วยรบจนได้รับ
ชัยชนะ จนสื่อมวลชนขนานนามว่าเป็น “อัศวินภูขี้เถ้า” ทำาให้ชื่อเสียงของตระกูลสังขทรัพย์เริ่มเป็นที่รู้จัก
ในพื้นที่จังหวัดเลย จากนั้น พ.ต.อ. กฤช ได้ย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำารวจภูธรเพชรบุรี ต่อมาได้ลาออก
จากราชการตำารวจเพื่อกลับมาลงสนามการเมืองในจังหวัดเลยเป็นครั้งแรกด้วยการสมัครเป็น ส.ส. สังกัด
พรรคชาติไทย โดยชูสัญลักษณ์ฉายาอัศวินภูขี้เถ้าและผลงานในช่วงรับราชการตำารวจในพื้นที่จังหวัดเลย
เป็นเครื่องมือในการสร้างความนิยมทางการเมือง ตลอดจนการอาศัยฐานเครือข่ายข้าราชการตำารวจใน
ท้องที่ต่างๆ ในจังหวัดเลยเป็นแรงสนับสนุน จึงทำาให้ พ.ต.อ. กฤช ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัด
เลยสมัยแรกใน ปี 2519 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2522