Page 83 - kpiebook63012
P. 83

83






                          รูปแบบการน�าเสนอด้านตัวบุคคล


                          ในการนำาเสนอตัวบุคคลถือเป็นประเด็นใหม่ของรูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งฯ จังหวัดพะเยา อันเป็นผล
                  จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 88 ระบุว่า “ในการเลือกตั้งทั่วไป ให้พรรคการเมือง
                  ที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา

                  ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัคร

                  รับเลือกตั้ง และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ และให้น�าความ
                  ในมาตรา ๘๗ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม” โดยมาตราดังกล่าวมีผลต่อรูปแบบการรณรงค์หาเสียง
                  ในการนำาเสนอด้านตัวบุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

                  แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 88 หรือที่เรียกว่า “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคการเมืองนั้น เพิ่มเติม

                  จากการเลือกตั้งทุกครั้งที่มีการนำาเสนอแต่ตัวผู้สมัครฯ แบบแบ่งเขต

                          โดยการนำาเสนอแคนดิเดตนายกฯ เป็นอีกกลยุทธ์ที่สำาคัญของผู้สมัครบางพรรค โดยผู้สมัครทั้ง

                  พรรคการเมืองเดิมและพรรคการเมืองใหม่ต่างก็ยอมรับว่า แคนดิเดตนายกฯ สามารถเพิ่มคะแนนเสียงสนับสนุน
                  ของตนได้ โดยเฉพาะการที่พรรคตนมีแคนดิเดตนายกฯ ที่ประชาชนรู้จักถึงสองคน เช่น กรณีพรรคเพื่อไทย หรือ

                  กรณีบางพรรคที่ผู้ลงสมัครฯ แบบแบ่งเขตอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชน เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองใหม่
                  หรือเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ รูปแบบการนำาเสนอตัวบุคคลเป็นจะนายกรัฐมนตรีของพรรคตนก็สามารถทำาให้ได้รับ

                  คะแนนเสียงในครั้งนี้ได้ เช่น กรณีพรรคอนาคตใหม่ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น


                          แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าบางกรณีที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองนั้น อาจไม่ได้รับความนิยม
                  หรือไม่เป็นที่รู้จักในจังหวัดพะเยา พรรคการเมืองนั้นก็มีรูปแบบการนำาเสนอตัวบุคคลเฉพาะผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ

                  แบบแบ่งเขตเท่านั้น ประกอบกับสถานการณ์การเลือกตั้งฯ จังหวัดพะเยา ได้มีการเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง
                  ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงทำาให้มีการใช้รูปแบบการนำาเสนอเฉพาะตัวบุคคลที่คาดว่ามีความสามารถและมีอำานาจ

                  ที่จะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงจังหวัดพะเยาได้ หรือกรณีการเปลี่ยนชื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถจำาผู้สมัคร
                  รับเลือกตั้งฯ แบบแบ่งเขตได้ เช่น กรณีการเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” ของผู้สมัครพรรคเพื่อชาติในเขต 1 และ

                  เขต 3 ก็สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าผู้สมัครฯ จังหวัดพะเยา ได้เน้นรูปแบบการนำาเสนอตัวบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
                  แบบแบ่งเขต เป็นการสื่อสารทางการเมืองที่สำาคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยเช่นกัน


                          2) วิธีการ


                          ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการหาเสียงเลือกตั้ง

                  ได้ส่งผลต่อวิธีการของผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ จังหวัดพะเยาทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ในช่วงระหว่างการเลือกตั้ง โดยจาก
                  การสัมภาษณ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งฯ การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม สามารถแบ่งวิธีการของ

                  ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งที่มีลักษณะที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ กล่าวคือ
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88