Page 75 - kpiebook63011
P. 75
75
ผู้อำานวยการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ยังชี้ประเด็นปัญหาสำาคัญในวันเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562
ที่แตกต่างออกไปจากการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า คือ หน่วยเลือกตั้งในหมู่บ้านไม่ได้มีปัญหาในเรื่องความแออัด
แต่หน่วยการเลือกตั้งในหมู่บ้านมีคณะกรรมการประจำาหน่วยเพียง 5 คน ที่จากเดิมเคยมีถึง 7 คน และ
ผู้รักษาความปลอดภัยอีก 2 คน รวมหน่วยหนึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ 7 คน โดยเฉพาะการขยายเวลาการลงคะแนน
เสียงเลือกตั้งที่ เริ่มตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น. ซึ่งกรรมการหน่วยเลือกตั้งเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 6.00 น. และ
เสร็จสิ้นจนกระทั่งนับและตรวจสอบคะแนนเสร็จบางหน่วยคือ 22.00 น. และบางหน่วยยาวนานถึง 24.00 น.
นั่นหมายความว่า กรรมการประจำาหน่วยเลือกตั้งทำางานต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 16-18 ชั่วโมง ที่ทำาให้ร่างกาย
อ่อนล้าและอาจมีผลต่อการทำาหน้าที่ผิดพลาดได้
ในส่วนของความรู้ความเข้าใจของกรรมการประจำาหน่วยเลือกตั้งนั้น ถือเป็นประเด็นที่สำาคัญมาก
เพราะความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจในระบบการเลือกตั้งใหม่อาจนำามาสู่การตัดสินใจ
ในหน่วยเลือกตั้งที่ผิดพลาดหรือไม่เหมือนกันในแต่ละหน่วย เช่น การประทับรอยนิ้วมือ ซึ่งบางหน่วยกระทำา
แต่ในบางหน่วยไม่ได้ดำาเนินการ ซึ่งกรรมการประจำาหน่วยเลือกตั้งได้ผ่านการอบรมรายละเอียดมาแล้ว
แต่ยอมรับว่าการอบรมที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 1 – 2 วัน การคัดเลือกกรรมการหน่วยเลือกตั้ง
ก็เป็นการคัดโดยผู้นำาในพื้นที่ ซึ่งในบางครั้งผู้นำาชุมชนก็เลือกคนใกล้ชิดมาทำาหน้าที่ แต่ในแง่ผลประโยชน์
ไม่ได้เอื้อต่อการกระทำาผิดหรือสนับสนุนนักการเมือง
ผู้อำานวยการการเลือกตั้ง ได้เสนอว่าการจัดการเลือกตั้งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยผู้ปฏิบัติ
ในพื้นที่ต้องทำาให้ถูกต้อง แต่ในบางครั้งข้อกฎหมายกับความเป็นจริงที่ไม่สอดคล้องกันก็ทำาให้การปฏิบัติหน้าที่
ที่สอดคล้องกับสภาพบริบทแวดล้อมกลับกลายเป็นกระทำาผิดไป การสั่งการกระชั้นชิดและการสนับสนุน
ในส่วนของเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างของผู้ปฏิบัติงานที่อาจไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจ
เร่งด่วน ตลอดจนงบประมาณในการจ่ายค่าตอบแทนหรือการเตรียมการก่อนการเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังเสนอว่า
ควรมีการถอดบทเรียนจากการจัดการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่
จากการสัมภาษณ์พบประเด็นที่น่าสนใจคือ การประชาสัมพันธ์ของ กกต. โดยการไปจัดทำาการสนทนา
กลุ่ม (Focus Group) ในพื้นที่ พบว่า การประชาสัมพันธ์ที่คิดว่าได้ผลมากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอกเมืองกับ
พื้นที่หมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์ คือ การใช้เสียงตามสาย “เป็นสิ่งที่เรามาเข้าใจตอนนี้คือ ชนเผ่าเขาชอบให้เราใช้เสียง
ตามสาย ใช้ภาษาพูดมากกว่าการท�าเป็นเอกสารหรือภาษาเขียน โดยเฉพาะบนดอยเลย เพราะคนส่วนใหญ่ตอนนี้
อ่านภาษาตัวหนังสือชนเผ่าไม่ได้เยอะแล้ว” (สัมภาษณ์ผู้อำานวยการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ 19 กันยายน 2562)
ในขณะที่สื่อออนไลน์หรือ Social Media ที่ กกต.ใช้ประชาสัมพันธ์นั้นทำามาหลายส่วน เช่น การทำา
QR Code และ กกต.กลางทำาแอพพลิเคชั่น Smart Vote มีสติ๊กเกอร์ไลน์ และแอนิเมชันที่ดึงดูดความสนใจ
และทำาให้เข้าใจกติกาและรายละเอียดการเลือกตั้งอย่างง่าย การที่ กกต. พยายามใช้สื่อโซเชียลมีเดียมา
สนับสนุนการทำางานของ กกต. หลัก ๆ คือการเน้นคนรุ่นใหม่และกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก การประชาสัมพันธ์
อีกอย่างที่คิดว่าได้ผลและกระจายได้อย่างทั่วถึง ตอบโจทย์ของการมีจำานวน ส.ส.มากและนโยบายหลากหลาย