Page 47 - kpiebook63009
P. 47

47








                          (13)  เคยต้องคำาพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำาการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

                          (14)  เป็นข้าราชการซึ่งมีตำาแหน่งหรือเงินเดือนประจำานอกจากข้าราชการการเมือง


                          (15)  เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

                          (16)  เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

                          (17)  เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่

                               อื่นของรัฐ

                          (18)  เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำารงตำาแหน่งในองค์กรอิสระ

                          (19)  อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำารงตำาแหน่งทางการเมือง

                          (20)  เคยพ้นจากตำาแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือ

                               การกระทำาด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ
                               มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย

                          (21)  เคยพ้นจากตำาแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำารงตำาแหน่งทางการเมือง

                               มีคำาพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์รำ่ารวยผิดปกติ หรือกระทำาความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
                               หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน

                               หรือไม่ปฏิบัติ



                          2.2 พรรคการเมือง


                          บทบำทของพรรคกำรเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติการ
                  ดำาเนินกิจกรรมทางการเมืองตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น

                  ประมุข โดยให้พรรคการเมืองต้องมีกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้ (รัฐธรรมนูญแห่ง
                  ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 23)


                          (1)  ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบ

                              ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างมีเหตุผลและ
                              มีความรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของปวงชนชาวไทย

                          (2)  ร่วมกับประชาชนในการหาแนวทางการพัฒนาประเทศ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

                              ในสังคมอย่างมีเหตุผลโดยคำานึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนา
                              ด้านจิตใจและความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนประกอบกัน


                          (3)  ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำาเนินกิจกรรมทางการเมือง รวมตลอดทั้ง
                              การตรวจสอบการใช้อำานาจรัฐและการดำาเนินงานขององค์กรอิสระอย่างมีเหตุผล
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52