Page 224 - kpiebook63009
P. 224
224 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุพรรณบุรี
เข้ามีส่วนร่วมในทางการเมืองมานาน อย่างไรก็ตามกิจกรรมการไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ตามแนวคิด Milbrath
(วิสุทธิ์ โพธิแท่น, 2551: 50) ถือว่าเป็นเพียงขั้นที่ 2 จาก 14 ขั้นของการจัดลำาดับความสำาคัญของการมีส่วนร่วม
ทางการเมือง ประกอบกับผลการวิจัยที่พบเพิ่มเติมว่า มีการติดตามข่าวสารโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง
และการเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น้อยที่สุด จึงอาจกล่าวได้ว่าประชาชนมีส่วนร่วม
ทางการเมืองในระดับสนใจและมีส่วนร่วมน้อยเท่านั้น
2.3 เหตุผลที่ทำาให้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ลำาดับแรก เพราะกฎหมายกำาหนด มีค่าเฉลี่ยรวม
อยู่ในระดับปานกลางนั้น กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในหมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ว่า บุคคลมีหน้าที่
ต่อไปนี้ “ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชามติอย่างอิสระโดยค�านึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นส�าคัญ”
(รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560, มาตรา 50 (7)) และการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและ
ไม่ได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ทำาให้ถูกจำากัดสิทธิ ที่บัญญัติว่า “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและ
มิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร
ผู้นั้นถูกจ�ากัดสิทธิ ดังต่อไปนี้ (1) ยื่นค�าร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (2) สมัคร
รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือก
เป็นสมาชิกวุฒิสภา (3) สมัครรับเลือกเป็นก�านันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
(4) ด�ารงต�าแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภา
ฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา (5) ด�ารงต�าแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการ
ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหาร
ท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การจ�ากัดสิทธิตามวรรคหนึ่งให้มีก�าหนดเวลาครั้งละสองปีนับแต่วันเลือกตั้ง” (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 35)
2.4 ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มาจากพรรคชาติไทยพัฒนา
ทุกเขต คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสรชัด สุจิตต์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เขตเลือกตั้งที่ 3
นายประภัตร โพธสุธน และเขตเลือกตั้งที่ 4 นายเสมอกัน เที่ยงธรรม โดยผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 3
และ 4 ยังเป็นตระกูลเจ้าของพื้นที่เดิม ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของณัฐพงศ์ บุญเหลือ (2556) เรื่องนักการเมือง
ถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี ที่พบว่า ความสำาเร็จในการก้าวเข้าสู่อาชีพนักการเมืองได้พัฒนามาสู่การเป็นกลุ่มตระกูล
การเมืองที่ผูกขาดอำานาจทางการเมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างเบ็ดเสร็จในกลุ่ม 4 ตระกูลหลัก คือ ศิลปอาชา
โพธสุธน เที่ยงธรรม และประเสริฐสุวรรณ และแม้ตระกูล “สุจิตต์” เองก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
กับตระกูลศิลปอาชา พร้อมทั้งได้รับเลือกตั้งให้ดำารงตำาแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็นสมัยที่ 2
จึงถือได้ว่า เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่เป็นทายาทตระกูลการเมืองเดิม