Page 179 - kpiebook63008
P. 179
179
มีนาคม 2562 นั้น การใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้งมีหลากหลายรูปแบบและช่วงเวลา ประการแรก การใช้จ่ายเงิน
ในการหาเสียงล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้ง การใช้จ่ายเงินในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ปรากฏอยู่ในรูปแบบการหาเสียงที่
ทำาขึ้นก่อนการประกาศวันเลือกตั้ง วิธีการเช่นนี้ถือเป็นกลยุทธ์ หรือวิธีการหาเสียงที่ผู้ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง
ส.ส. เลือกใช้มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เป็นการทำาผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็เป็นวิธีการที่ทำาให้เกิดฐานเสียง
หรือกลุ่มสนับสนุนขนาดใหญ่ ทำาให้เกิดความสัมพันธ์ส่วนบุคคลระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งและประชาชนในพื้นที่
เลือกตั้ง กิจกรรมส่วนใหญ่ที่พบในการใช้จ่ายเงินหาเสียงประเภทนี้ มักเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในวิถีชีวิตของคน
ในสังคมชุมชน และวัฒนธรรมประเพณีของพื้นที่ เช่น งานวัด งานบำารุงศาสนา งานบวช งานแต่ง และการจัด
กิจกรรมพาสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ เดินทางท่องเที่ยวหรือศึกษาดูงานนอกพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการใช้จ่ายเงินใน
ลักษณะการดำาเนินการเพื่อการสาธารณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
สำาหรับประการที่สอง การใช้จ่ายเงินในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นวิธีการที่ผู้สมัครรับเลือก
ตั้งที่มีการประเมินแล้วว่ามีโอกาสจะชนะการเลือกตั้ง หากมีการใช้จ่ายเงินออกไป หากแต่ว่าวิธีการจ่ายเงิน
มีความแยบยลผ่านขั้นตอนและกระบวนการที่ยากต่อการหาหลักฐานมาพิสูจน์ เพียงแต่เป็นที่รู้กันดีในกลุ่ม
ผู้ที่เป็นหัวคะแนนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง การใช้จ่ายเงินในการหาเสียงในช่วงก่อนวันเลือกตั้งนั้น มิใช่ว่า
ผู้สมัครจะจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนในพื้นเขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่สามารถควบคุม
หรือประเมินได้เลยว่าผู้สมัครฯ คนดังกล่าวจะได้รับคะแนนเสียงเท่าใด คุ้มค่ากับโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง
หรือไม่ การใช้จ่ายเงินจึงมีระบบหัวคะแนนซึ่งสามารถประมาณการได้ว่า จะสามารถกำากับดูแลคะแนนเสียงได้
จำานวนเท่าใด วิธีการดังกล่าวส่งผลดีในเชิงจิตวิทยา ซึ่งไม่ทำาให้หัวคะแนนวิตกกังวลมากจนเกินไป การจ่ายเงิน
เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงในรูปแบบนี้จึงเป็นวิธีการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเลือกใช้มากกว่าวิธีการอื่น ๆ
ประเด็นที่ห้า การตั้งมั่นของสถาบันพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ในจังหวัดกาญจนบุรีในบริบทที่มีการเปลี่ยนแปลง
ในกลุ่มพรรคการเมืองขนาดใหญ่นั้นพบว่า ผู้สมัครที่จะได้รับการสนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
นั้น มีความพร้อมทั้งในภูมิหลัง โดยเฉพาะประวัติการทำางาน ผลงาน การศึกษา และความสำาเร็จในชีวิต และ
ครอบครัว รวมถึงการเป็นคนในพื้นที่ ที่สำาคัญ พรรคการเมืองขนาดใหญ่จะมีการประเมินคะแนนเสียง กลุ่มฐาน
เสียงที่มีอยู่ของตัวผู้สมัคร เพราะจะทำาให้มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งได้มากกว่าการที่จะสนับสนุนบุคคลอื่น
“ตัวบุคคล” จึงเป็นตัวเลือกลำาดับแรกในการที่พรรคการเมืองใหญ่เลือกที่จะพิจารณาให้บุคคลเหล่านั้นลงสมัคร
ในนามพรรค ก็ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้แล้วนโยบายของพรรการเมืองที่นำาเสนอต่อประชาชน
ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถสร้างคะแนนนิยมหรือคะแนนเสียงเป็นหลัก การเป็นสถาบันทางการเมือง
ของพรรคการเมืองจึงเป็นเรื่องที่ยังคงต้องติดตามในอนาคต
สำาหรับพรรคการเมืองขนาดเล็กหรือพรรคที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น
โดยส่วนใหญ่แล้วให้ความสำาคัญกับการเลือกบุคคลในพื้นที่ลงสมัครในนามพรรค เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถ
ที่จะลงพื้นที่ได้รวดเร็ว มีความผูกพันในพื้นที่ ตัวบุคคลเป็นที่รู้จักของพื้นที่ในระดับหนึ่ง สามารถทำาให้ประชาชน
สนใจในโยบายและติดตามการหาเสียงของพรรค ซึ่งทำาให้พรรคมีโอกาสที่จะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น