Page 175 - kpiebook63005
        P. 175
     174   การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดขอนแก่น
             บัตรเดียว 2) ในการเลือกตั้งปี 2554 มีคู่แข่งขันหลักในเขตนี้เพียงสองคนคือเรืองเดชกับนายแพทย์เปรมศักดิ์
             แต่รอบนี้มีหลายสิบพรรคการเมือง คะแนนจึงกระจัดกระจาย 3) พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเยอะโดยผู้สมัคร
             แทบไม่ต้องทำาอะไรเลย อาศัยกระแสธนาธรเป็นหลัก คะแนนส่วนนี้จึงแย่งคะแนนพรรคเพื่อไทยไป และ
             4) คนสูงอายุจำานวนมากได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล คนเหล่านี้เลือกพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจน
             พรรคพลังประชารัฐมีกลไกอำานาจรัฐคอยอำานวยความสะดวกให้ผู้สมัครพรรค
                      ดังที่กล่าวข้างต้นว่า 3 อำาเภอในเขตนี้ ผู้สมัครทั้ง 3 คน ชนะคนละอำาเภอ บัลลังก์วิเคราะห์ว่า
             “ที่อำาเภอบ้านไผ่ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเป็นส.อบจ.ในพื้นที่มา 20 ปี การหาเสียงของเขาจะเน้นโจมตี
             ว่าเราไม่ใช่คนในพื้นที่” ส่วนอำาเภอพระยืนเป็นถิ่นของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าแพ้ไม่มาก
             ส่วนที่อำาเภอบ้านแฮด บัลลังก์กล่าวว่า เป็นพื้นที่สุญญากาศไม่มีใครเป็นเจ้าของในเขตอำาเภอนี้ คะแนนจึง
             เป็นของพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ ปัจจัยหลักมาจากเครือข่ายของพี่ชาย นายพงศกร อรรณนพพรที่ค่อนข้าง
             เข้มแข็งในพื้นที่อำาเภอบ้านแฮด (สัมภาษณ์วันที่ 15 กรกฎาคม 2562)
                      ขณะที่องอาจให้สัมภาษณ์กับผู้วิจัยว่า ตนเองเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเขต
             อำาเภอบ้านไผ่มา 4 สมัย นับรวมช่วงเวลาหลังรัฐประหารที่ไม่มีการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย เท่ากับเป็น ส.อบจ.
             มาเป็นเวลา 20 ปี จากการทำางานในพื้นที่เป็นระยะเวลานาน มีประสบการณ์ในการทำางานคลุกคลีกับชาวบ้าน
             ทำาให้ทราบปัญหาต่างๆ ของอำาเภอบ้านไผ่ อีกทั้ง อำาเภอบ้านไผ่ไม่มีส.ส.ซึ่งเป็นคนในพื้นที่มานาน ส.ส.คนเก่า
             คือเรืองเดชก็เป็นคนอำาเภอชนบท ส.ส.คนสุดท้ายที่เคยเป็นคนบ้านไผ่คือนายแพทย์เปรมศักดิ์สมัยที่
             ยังอยู่กับพรรคไทยรักไทย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำาให้ตนเองลงสมัครส.ส.ในครั้งนี้ ตนเองตัดสินใจว่าจะลง
             รับสมัครในเดือนตุลาคม ปี 2562 ส่วนสาเหตุที่เลือกสังกัดพรรคภูมิใจไทย องอาจให้เหตุผลสามประการ
             ประการแรกคือ ตนเองชื่นชอบในแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการปลดหนี้กยศ. ปลดล็อก
             กัญชาจากยาเสพติด และนโยบายอื่นๆ ประการที่สอง องอาจกล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศ
             แบ่งออกเป็นสองสี “ผมไม่มีความสุขกับการต้องเลือกฝ่าย สำาหรับผม ภูมิใจไทยเป็นทางเลือกที่ไม่มีสี”
             และประการที่สาม เนื่องด้วยตนเองเคยเป็นผู้จัดการทั่วไปทีมฟุตบอลขอนแก่น เอฟซี จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่
             ต้องกล่าวถึงสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นโมเดลสำาคัญในการพัฒนาสโมสรฟุตบอลของจังหวัดขอนแก่น
             องอาจยำ้าว่า งานฟุตบอลคืองานมวลชนเหมือนการเมือง “ผมเชื่อว่าคนฟุตบอลด้วยกันมันเชื่อมต่อกัน
             ได้ง่ายกว่า ในนโยบายของภูมิใจไทยมีข้อหนึ่งที่ระบุถึงบุรีรัมย์โมเดล บุรีรัมย์ในอดีตเป็นจังหวัดที่ไม่น่า
             ท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ปัจจุบันติด 1 ใน 5 ของประเทศ ตรงนี้ทำาให้เราต้องกลับมามอง
             บ้านเรา เราต้องสร้างกีฬาให้บ้านเมืองเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ ถ้าผมทำาได้ในบ้านไผ่อย่างน้อยบ้านไผ่
             ก็จะมีแรงจูงใจทำาให้คนอยากมาที่อำาเภอบ้านไผ่มากขึ้น”
                      องอาจวิเคราะห์ก่อนการเลือกตั้งว่า เนื่องจากอำาเภอบ้านไผ่เป็นอำาเภอใหญ่ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
             ประมาณ 80,000 คน อีกทั้งตนเองเป็น ส.อบจ.ในพื้นที่มานาน “ผมเชื่อว่า ถ้าคนบ้านไผ่ให้คะแนนผม
             ครึ่งหนึ่ง 50% จะได้ 40,000 คะแนน หรือ 30,000 คะแนนก็ได้ แล้วก็เก็บจากอำาเภออื่นอีกนิดหน่อย
     	
