Page 174 - kpiebook63005
P. 174

173








                  ตำาบลบ้านโต้น เขาชนะบัลลังก์ประมาณ 1,200 คะแนนเลยทีเดียว ทั้งนี้ อำาเภอพระยืนมีจำานวนผู้มีสิทธิ

                  เลือกตั้งประมาณ 20,000 คน


                            ในส่วนของผู้สมัครรายอื่นๆ นางสาวกัลยารัตน์ กิตติกัลยานันท์ นักธุรกิจท้องถิ่น จากพรรค
                  อนาคตใหม่ ได้คะแนนเป็นอันดับ 4 คือ 9,588 คะแนน นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรี

                  เมืองบ้านไผ่ อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ได้ 7,936 คะแนน และ นายเดชคำารณ สิงคลีบุตร อดีตสมาชิก
                  สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เขต อ.บ้านไผ่ จากพรรคเพื่อชาติได้ 3,100 คะแนน


                            บัลลังก์ให้สัมภาษณ์กับผู้วิจัยว่า ตนเองเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าการเกษตร รับซื้อข้าวเปลือก
                  มันสำาปะหลัง อ้อย ฯลฯ สาเหตุที่มาลงในเขต 10 เนื่องจากมีความผูกพันกับชาวอำาเภอบ้านไผ่ ในตำาบล

                  บ้านลานและตำาบลแคนเหนือ เนื่องจากตนเองทำาโรงงานแปรสภาพมันสำาปะหลัง เปิดจุดรับซื้อมัน

                  สำาปะหลังและอ้อย มาเกือบ 20 ปีที่สองตำาบลนี้ (แต่สองตำาบลนี้คะแนนของบัลลังก์แพ้องอาจค่อนข้างมาก)
                  บัลลังก์เคยเป็นนายกเทศมนตรีตำาบลหนองสองห้อง 2 สมัย เคยเป็นบอร์ดอนุกรรมการข้าราชการครู
                  และบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) 2 สมัย เคยเป็นบอร์ดของศึกษาธิการจังหวัด 2 ปี ฯลฯ แต่ไม่เคย

                  ลงสนามการเมืองระดับชาติ บัลลังก์กล่าวถึงสาเหตุที่ลงรอบนี้ว่า “ในฐานะเป็นนักธุรกิจการเกษตร

                  ถ้าราคาเกษตรดี เราเห็นหน้าเกษตรกรที่มารับเงินเราไป เราก็มีความสุข แต่ระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดี
                  เขารับเงินเราไปก็บ่นไป เราเลยอยากหาวิธีช่วย เขาเป็นผู้มีพระคุณกับเรา ถ้าเราช่วยเขาได้ เราต้องอยู่ข้างบน
                  เพื่อผลักดันนโยบาย นี่จึงเป็นสาเหตุที่มาลงส.ส.” บัลลังก์เผยถึงที่มาของชัยชนะในเขตนี้ว่า “นโยบาย

                  พรรคเพื่อไทยอยู่ในใจประชาชนมาส่วนหนึ่งแล้ว ถ้าเทียบสัดส่วนที่ทำาให้ชนะคือ 30% เป็นคะแนนพรรค

                  20% เป็นคะแนนบุคคล 10% เป็นคะแนนจากบารมีของผู้ที่สนับสนุน หากได้เท่านี้ก็สามารถเป็นผู้แทน
                  ได้แล้ว” บัลลังก์ยอมรับว่าตนเองเพิ่งรู้ว่าจะได้ลงสมัครเป็นส.ส.ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ในช่วงหา
                  เสียงตนเองได้ลงปราศรัยทุกหมู่บ้าน 2 รอบ ส่วนเนื้อหาที่ปราศรัย บัลลังก์เล่าว่า เนื่องจากตนเองทำาธุรกิจ

                  การเกษตร จึงรู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรทั้งสิ้น การปราศรัย

                  จึงเน้นนโยบายด้านการเกษตรของพรรคเพื่อไทย รวมถึงนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ นโยบายสร้างรายได้
                  และกล่าวถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่มีมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย นอกจากนี้ บัลลังก์กล่าวว่า
                  “ต้องพูดในสิ่งสำาคัญที่พรรคต้องการให้พูดด้วย ว่านี่คือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายสืบทอด

                  อำานาจ” เมื่อถามถึงผลคะแนนที่ได้รับ ซึ่งน้อยกว่าเดิมหากเทียบกับคะแนนของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง

                  ปี 2554 บัลลังก์กล่าวว่า “พอใจเป็นอย่างมาก เพราะผมไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่ได้ติดพื้นที่ตลอด พรรคตรงข้าม
                  เขาก็โจมตีเราว่า เราไม่ใช่คนบ้านไผ่ เราคนหนองสองห้อง เราเป็นฝ่ายรับ ไม่ใช่ฝ่ายรุกในการหาเสียง
                  คะแนนออกมาเช่นนี้ก็พอใจ พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งเขาก็ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล” บัลลังก์

                  วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ทำาให้คะแนนพรรคลดลงเนื่องจาก 1) กติกาการเลือกตั้งเปลี่ยนไป ประชาชนกาได้


                  ไม่เป็นประชาธิปไตย บ้านเมืองไม่มีความมั่นคง เขาก็เลิกจ้างไปก็มีนะ” และหญิงวัย 32 ปี เปิดร้านเสริมสวยในหมู่บ้าน
                  กล่าวว่า “ชอบพรรคเพื่อไทยแต่ไหนแต่ไรแล้ว น้านี่เสื้อแดงเต็มตัว แต่ไม่เคยไปม็อบกับเขานะ อยากให้พรรคเพื่อไทย
                  พาประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ช่วยเหลือเรื่องปากท้องของประชาชนได้จริงๆ ไม่ใช่มีแค่คำาพูดขวานผ่าซาก บอกเป็นคนตรง
                  แต่ไม่เคยลงมีทำาสักที น้าไม่ชอบรัฐบาลขายฝัน” ฯลฯ
   169   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179