Page 115 - kpiebook63001
P. 115
97
ส่วนเขตเลือกตั้งอื่นๆ ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 4 นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ จากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนน
มากกว่านางสาว ตวงรัตน์ วงศ์เวไนย จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นจำนวน 31,664 คะแนน อย่างไรก็ดี
เขตเลือกตั้งที่ 5 ซึ่งนางสาวจิราพร สินธุไพร ได้คะแนนสูงสุดในจังหวัดดังที่ได้กล่าวมา ทั้งยังมีช่วงคะแนน
ห่างจากผู้สมัครที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 คือ นาย ทินกร ปิยะวงษ์ณรัตน์ จากพรรคอนาคตใหม่ ถึง
47,670 คะแนน ทั้งนี้ นายเฉลิมศักดิ์ แสนปาง ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้คะแนนมาเป็นอันดับที่สาม
ได้คะแนนเพียง 9,686 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นเขตที่ได้คะแนนน้อยที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเขตเลือกตั้ง
ที่ 6 นายกิตติ สมทรัพย์ จากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากกว่านาย ชำนาญ โพธิคลัง ผู้สมัครจากพรรค
อนาคตใหม่ซึ่งได้คะแนนเป็นอันดับที่สองจำนวน 38,409 คะแนน โดยที่นาย อนิวรรตน์ วรเชษฐ์ ผู้สมัครจาก
พรรคพลังประชารัฐซึ่งเคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเป็นอันดับที่สามจำนวน 13,801 คะแนน
ด้านเขตเลือกตั้งที่ 7 ซึ่งนายศักดา คงเพชร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนมากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนน
อันดับที่สอง คือ นาย ชัชวาล แพทยาไทย จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นจำนวน 33,025 คะแนน
(2) เขตเลือกตั้งที่ผู้ชนะการเลือกตั้งไม่มีคะแนนนำแบบเด็ดขาด หมายถึง เขตเลือกตั้งที่ผู้ที่ได้รับ
การเลือกตั้งได้คะแนนมากกว่าผู้สมัครที่มีจำนวนคะแนนรองลงมาไม่มากนัก ซึ่งเป็นเขตที่มีระดับการแข่งขัน
สูงมากระหว่างผู้สมัครที่มีฐานเสียงหนาแน่นในพื้นที่ ซึ่งมีเพียงเขตเลือกตั้งเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่
เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งนายนิรมิต สุจารี จากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนมากกว่านายเอกภาพ พลซื่อ ผู้สมัครจาก
พรรคพลังประชารัฐ เพียง 4,670 คะแนน ซึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 3 นี้ นายนิรมิต สุจารี ได้ถูกร้องเรียนจากฝ่ายตรงข้าม
จำนวน 6 กรณี ในเรื่องการกระทำความผิดเรื่องการซื้อเสียงเลือกตั้งและการปราศรัยเพื่อปลุกระดม ข่มขู่
และใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งนายนิรมิตได้ทำการชี้แจงและอยู่ในระหว่างการรอผลพิจารณาของสำนักงาน
คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด 17
ลักษณะที่ 2 ทางเลือกของการลงคะแนนเสียง
แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ กล่าวคือ
(1) การลงคะแนนเลือกแบบเน้นพรรคการเมือง
ผลจากการปฏิรูปการเมืองผ่านบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นหลังจาก
นั้นเป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความนิยมของพรรคไทยรักไทยจากการนำนโยบายที่หาเสียงไว้มา
ปฏิบัติเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแบบแผนในการลงคะแนนเสียง
เลือกตั้งของประชาชน ที่อิทธิพลต่อความนิยมที่มีต่อพรรคเป็นปัจจัยที่มีผลสำคัญมากกว่าตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังเห็นได้จากการปรับตัวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่หันมาให้
ความสำคัญกับการผลิตและนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งผลคะแนนในการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดร้อยเอ็ดดังที่ได้นำเสนอมา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพรรคการเมือง
ในฐานะปัจจัยที่ผู้ลงคะแนนเสียงใช้ในการตัดสินใจเลือก ดังพิจารณาได้จากคะแนนของพรรคการเมืองที่ได้
คะแนนรวมสูงสุด 3 อันดับแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่
17 นิรมิต สุจารี, อ้างแล้ว.
การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดร้อยเอ็ด