Page 43 - kpiebook62014
P. 43
ไม่ได้แล้วเพราะว่าที่ผ่านมามีการขึ้นโรงขึ้นศาล ส่วนผู้สมัครก็ต้องให้มีการสาบานกันก่อนว่าจะไม่ใช้เงิน ก็คง
พอเป็นไปได้
นักการเมืองท้องถิ่นท่านหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อถึงฤดูการเลือกตั้งการแข่งขันจะจริงจังมาก การเลือกตั้งท้องที่
นั้นมีความรุนแรงยิ่งการกว่าเมืองท้องถิ่น จะมีการเกณฑ์ญาติ ลูกหลานมาหมด ต้องใช้เงินมาก สิ่งนี้ส่งผลต่อ
การเมืองท้องถิ่นด้วย ตอนนี้ จึงกลายเป็นค่านิยมยึดเงินในการเลือกตั้ง มีความรู้หรือไม่ ว่ากันทีหลัง ขณะนี้
บรรยากาศการบริหารเริ่มดีขึ้นหลังจากอดีตนายกถูกปลดจากต าแหน่ง เพราะก่อนหน้านั้น ไม่ค่อยรับฟังเสียง
จากฝ่ายสภาเท่าไร และมักมีความขัดแย้งในการบริหารตลอด ตนเห็นด้วยกับการด าเนินโครงการนี้ อย่างไรก็
ตาม การด าเนินโครงการนี้ก็มีข้อท้าทายเพราะตนเชื่อว่าต่อให้ผู้สมัครสาบานต่อหน้าพระก็ยังอาจแอบทุจริตได้
และเรื่องของการจ่ายเงินซื้อสิทธิเป็นสิ่งที่ชาวบ้านท ากันมานาน กลายเป็นวัฒนธรรม เมื่อถึงฤดูกาลเลือกตั้ง
ชาวบ้านมักจะมาร้องขอทรัพย์สินเงินทองการสนับสนุกิจกรรมต่างๆของพวกเขา “ขนาดผอ.รร.ยังขอเบียร์กับ
ผม” หากไม่ให้จะกลายเป็นเรื่องที่พูดปากต่อปากและเสียคะแนนอย่างมาก เพราะชาวบ้านไม่ได้ดูที่ผลงานแต่ว่า
ดูว่า “สปอร์ตหรือว่าไม่สปอร์ต” และเมื่อฝ่ายหนึ่งให้อีกฝ่ายก็ต้องให้ยอมไม่ได้ ถ้าบอกว่าไม่ใช้เงินเลย ชาวบ้าน
อาจจะ “เหวอ ๆ รับไม่ได้เท่าไหร่” แต่เขาก็อาจไม่กล้าพูด เก็บไว้ในใจ เลยบอกไม่ได้ว่าชาวบ้านจะให้ความ
ร่วมมือเพียงใด
ด้านอดีตนักการเมืองท้องถิ่นอีกท่าน กล่าวว่า ถ้าไม่ให้จ่ายเงินจะดีมากเลย แต่ถ้าห้ามชาวบ้านไม่ให้ขอ
นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อเขามาช่วยเราเราก็ต้องให้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าที่ท าให้
ผู้สมัครเสียเงินมากคิดว่าเป็นเพราะการจ่ายเงินรายหัวมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งท้องที่มีการจ่ายราย
หัว 2-3พันบาท รุนแรงมาก และหากจ่ายคนหนึ่งไม่จ่ายคนหนึ่งหรือว่าจ่ายไม่ครบจะเป็นการพูดปากต่อปากว่า
“อย่าไปเลือกมัน” แต่อันที่จริงชาวบ้านจะชอบคนที่ตัวบุคคลมากกว่าการจ่ายเงินจึงไม่อาจรับประกันได้ว่าคน
นั้นจะชนะการเลือกตั้ง เพราะถ้าชาวบ้านไม่ชอบเขาจะไม่ให้ความร่วมมือเลย บางทีก็ทะเลาะกันแย่งชิงกันเอง
หากจะให้ส าเร็จกฎหมายต้องแรง เพราะชาวบ้านกลัวกฎหมาย ถ้าสามารถจัดเวทีให้ความรู้แก่ชาวบ้านได้
โดยตรงจะดี ไม่ใช่อบรมเฉพาะแค่ตัวแทนหรือผู้น าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2559 ผู้วิจัยได้เข้าพบเพื่อพูดคุยกึ่งสัมภาษณ์กับผู้น าท้องที่ ผู้น าท้องถิ่น ทั้งอดีตและ
ปัจจุบัน รวมไปถึงปราชญ์ชาวบ้านชุดที่ห้า โดยผู้ที่เข้าพบมีความคิดเห็นต่อหลักการเหตุผลของการด าเนิน
โครงการดังกล่าว ดังต่อไปนี้
บุญ กล่าวว่า เห็นด้วยกับหลักการของโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้ เพราะหากป้องกันการซื้อสิทธิขาย
เสียงได้ตรงนี้ก็จะได้ประโยชน์กับผู้น าและประชาชน คิดว่าผู้สมัครยิ่งชอบ เพราะว่าไม่ต้องใช้เงิน คนจะได้ไม่
แตกกัน แต่ว่าก็ต้องท าอย่างต่อเนื่อง และต้องเข้าถึงระดับหมู่บ้าน โดยอาจใช้การแทรกเข้าไปในการประชุม
หมู่บ้าน ประชุมก านันผู้ใหญ่บ้าน หรือการประชุมรับค่าป่วยการของอสม.ประจ าเดือนก็ได้ เพราะว่าที่นี่มี อสม.
36